กรุงเทพฯ 26 พ.ย. – บางจากฯ เตรียมลงทุนยูโร 5 อีก 7-8 พันล้านบาท เรียกร้อง ก.พลังงานเร่งประกาศแผนลดหัวจ่ายโดยเร็ว หลังไทยครองแชมป์มีชนิดน้ำมันมากที่สุด 9 ชนิด
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า จะต้องลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นฯ ให้เป็นมาตรฐานยูโร 5 ทั้งหมดภายในปี 2567 โดยจะลงทุนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงหน่วยกลั่นที่ 2 และ 3 ขณะที่หน่วยกลั่นที่ 4 สามารถผลิตน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ได้อยู่แล้ว และปัจจุบันจำหน่ายเป็นดีเซลเกรดพรีเมี่ยมและได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดี เช่น บางรายขับเบนซ์มาเติมระบุว่ามีผลเครื่ิองสะอาดและแรงดี
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เข้าพบนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยทางกระทรวงฯ ขอความร่วมมือในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจ และขอให้สนับสนุนแนวทางการประกาศใช้บี10, อี20 เป็นน้ำมันพื้นฐานหลัก ซึ่งจะช่วยให้มีการใช้สินค้าเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น โดยในส่วนบี10ขณะนี้มี 10 ปั๊ม ก็จะเพิ่มเป็น 100 ปั๊มสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ได้เสนอขอให้ทางกระทรวงฯ เร่งตัดสินใจลดประเภทน้ำมันในไทยให้เร็วที่สุด จากปัจจุบันมีถึง 9 ชนิด แยกเป็นกลุ่มเบนซิน 5 ชนิด คือ เบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์95, 91 , อี20, อี85 ส่วนกลุ่มดีเซลมี 5 ชนิด คือ บี7, บี10, บี20 และดีเซลพรีเมียม ซึ่งแต่ละสถานีมีหัวจ่ายไม่เท่ากัน การเลือกจำหน่ายประเภทน้ำมันต้องดูความต้องการของลูกค้าในพื้นที่เป็นหลัก และการมีน้ำมันหลายประเภทมากเกินไปยังเป็นต้นทุนที่สูงสำหรับผู้ค้าน้ำมันทั้งระบบโลจิสติกส์และอื่น ๆ
“การจะยกเลิกน้ำมันตัวใดทางกระทรวงฯ ต้องดูรอบด้าน เช่น กลุ่มเบนซิน ต้องดูว่าน้ำมันพื้นฐานจากโรงกลั่นฯ ของไทยเป็นอย่างไร ต้องสมดุลน้ำมันนำเข้าส่งออกและดูถึงผู้บริโภค หากยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91ก็อาจกระทบผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ที่ใช้จำนวนมาก ส่วนกลุ่มดีเซล ก็ต้องดูว่าเมื่อภาครัฐต้องการส่งเสริมการใช้ปาล์มปริมาณสูงแล้ว ก็ต้องยกเลิกตัวที่ต่ำจะดีกว่าไหม” นายชัยวัตน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ ยอมรับว่าค่าการกลั่นขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดโลก โดยเฉพาะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4/2562 โรงกลั่นผ่านพ้นช่วงการปิดซ่อมบำรุงและจะกลับมาเดินเครื่องเต็มที่ และยังได้ผลดีจากมาตรการเกณฑ์ใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่กำหนดให้เรือเดินสมุทรใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ ร้อยละ 0.5 จากเดิมร้อยละ 3.5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จะส่งผลให้ราคาดีเซล และน้ำมันเตากำมะถันต่ำปรับตัวดีขึ้น ซึ่งบางจากฯ ผลิตน้ำมันเตากำมะถันร้อยละ 0.3 ในสัดส่วนร้อยละ 10 ของกำลังกลั่นและผลิตดีเซลร้อยละ 55 ที่เหลือเป็นเบนซิน .-สำนักข่าวไทย