จำคุก 37 ปี 4 เดือน “โก้” แฟนหนุ่มฆ่า “ไฮโซเชอรี่”

กทม. 14 พ.ย. – เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 เกิดคดีใหญ่พบศพสาวไฮโซถูกไม้เบสบอลตีกะโหลกแตกในห้องพักหรู โรงแรมย่านลาดพร้าว จากฝีมือแฟนหนุ่ม ก่อนหลบหนีไปกบดานประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดวันนี้ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว


ย้อนไปเมื่อ 30 กรกฎาคม 2561 ตำรวจ สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุพบศพ น.ส.ธิติมา หรือไฮโซเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วัย 39 ปี เสียชีวิตในห้องพักโรงแรมย่านประดิษฐ์มนูธรรม สภาพศพมีบาดแผลถูกตีด้วยไม้เบสบอลที่ขมับด้านขวาจนกะโหลกศีรษะยุบ   


คดีนี้ตำรวจใช้เวลาสืบสวนไม่นาน พบหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพนายอัศยา ชัยภา หรือโก้ แฟนหนุ่มของผู้ตาย เดินออกจากห้องพัก ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับนายอัศยา มาดำเนินคดี หลังจากศาลอนุมัติหมายจับ ตำรวจชุดสืบสวนพบเบาะแสเพิ่มเติมเป็นภาพวงจรปิดขณะผู้ต้องหาเดินอยู่ในบ่อนประเทศกัมพูชา ก่อนหลบหนีไปกบดานต่อที่เมืองกำปงสะปือ กระทั่ง 31 สิงหาคม 2561 จึงประสานทางการกัมพูชาให้ส่งตัวนายอัศยา กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย   


การสอบสวนขณะนั้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง โดยอ้างว่ามีปากเสียงกันรุนแรง หลังถูกผู้ตายด่าทอถึงบุพการี และยังพยายามใช้ไม้เบสบอลที่ซื้อไว้ทำร้ายตนก่อน จึงแย่งไม้เบสบอลตีผู้ตายไป 3 ครั้ง จนแน่นิ่ง จากนั้นลักทรัพย์ บัตรเดบิตของผู้ตายไปถอนเงินกว่า 1 ล้านบาท ก่อนขับรถเบนซ์ของผู้ตายหลบหนี และให้น้องชายพาข้ามจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ไปฝั่งกัมพูชา     

 

วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษา โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบ เห็นว่าจำเลยใช้ไม้เบสบอลซึ่งเป็นท่อนเหล็กขนาดใหญ่ตีศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของผู้ตายจนกะโหลกแตก ย่อมเล็งเห็นผล มีเจตนาฆ่า ข้อต่อสู้ของจำเลยที่อ้างว่าเป็นการบันดาลโทสะเพราะถูกด่าทอบิดามารดา ฟังไม่ขึ้น พิพากษาจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่น ส่วนความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พิพากษาจำคุก 3 ปี ความผิดฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นจำคุก 3 ปี  

แต่จำเลยรับสารภาพ เพราะจำนนต่อหลักฐาน และให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน คงจำคุก 2 ปี และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น คงจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 37 ปี 4 เดือน พร้อมริบของกลาง 

          

หลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น จำเลยสำนึกผิด ก้มลงกราบขอขมานายอำนวย วิชัยโชติ บิดาของผู้ตาย ที่มาฟังคำพิพากษา แต่นายอำนวยมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ให้อภัย เพราะการสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียวยากที่จะทำใจ และอยากให้จำเลยต้องโทษหนักขึ้น 

อย่างไรก็ตาม นายอำนวยยังเตรียมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น. -สำนักข่าวไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จำคุก 37 ปี 4 เดือน “โก้” มือฆ่า “ไฮโซเชอรี่”

ตั้งรางวัลนำจับ “โก้”ฆ่าไฮโซเชอรี่

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย