กรุงเทพฯ 14 พ.ย. – สงครามการค้าจะลดความร้อนแรงลง แต่กระตุ้นให้นักธุรกิจจีนย้ายฐานการผลิตออกไปต่างประเทศเร็วขึ้นไทยได้อานิสงส์ด้วย
การเสวนาในหัวข้อ “ธุรกิจไทย…อยู่อย่างไรในสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยี” ในการสัมมนาเศรษฐกิจประจำปีสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ปี 2562 นายพิศาล มาณวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภาและอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ประเมิน ว่า สงครามการค้ามีแนวโน้มลดความร้อนแรงลง เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ มีเป้าหมายที่จะเข้าสู่สนามการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2563 หากยังทำสงครามการค้าฐานเสียงโดยเฉพาะเกษตรกรยังได้รับความเดือดร้อนคงไม่ได้ การทำสงครามการค้าจึงต้องลดความร้อนแรงลง ขณะที่จีนถูกกระทบจากจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ ทั่วโลกก็ถูกกระทบ ซึ่งประเทศไทยถูกผลกระทบเช่นกัน
นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) กล่าวว่า สงครามการค้าเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนจีนและไต้หวันออกมาลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยขณะนี้นักลงทุนเข้ามา 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ประเทศไทยยังมีศักยภาพรองรับอุตสาหกรรมนี้และอุตสาหกรรมยานยนต์ ถือเป็นการย้ายฐานการผลิตเข้ามา อย่างไรก็ตาม การขออนุญาตทำธุรกิจในไทยยังคงยากกว่าประเทศเวียดนาม
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สงครามการค้าเป็นเรื่องที่ไม่จบลงง่ายจะต่อเนื่องไป แต่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้รับผลบวก เพราะสงครามการค้ากระตุ้นให้มีลูกค้าจากประจีนเข้ามาติดต่อลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมากขึ้น ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 50 อยู่ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์กำลังจะเข้ามา อีกปัจจัยคือ การเกิดขึ้นของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ทำให้การลงทุนกลับเข้ามา จากที่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยหลุดจากประเทศที่เป็นเป้าหมายการลงทุน นับเป็นการเคลื่อนย้ายฐานทุนครั้งใหญ่ของโลก และต่อให้สงครามการค้าจบลง แต่รูปแบบการทำธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
นายอาร์ม ตั้งนิรันดร คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการทำสงครามการค้าจีนกับสหรัฐ ทั้ง 2 ประเทศต่างได้รับผลกระทบ ผลกระทบสหรัฐที่เห็นไม่ชัดเจน เพราะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่อีกไม่นานจากนี้ไปเศรษฐกิจสหรัฐอาจถึงจุดถดถอยเข้าสู่ช่วงขาลงอาจเป็นภายใน 1 ปีจากนี้ไป หากดำเนินนโยบายสงครามการค้าต่อไป ผลการทำสงครามจะเป็นบูมเมอแรงมีผลย้อนกลับไปกระทบสหรัฐให้เจ็บตัวเองและการจะขึ้นภาษีสินค้าที่ส่งไปขายสหรัฐอีก 2 รอบ ก็จะส่งกระทบมาถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องผู้บริโภคโดยตรง จากที่ผ่านมาผลกระทบเกิดขึ้นกับกลุ่มสินค้าเทคโนโลยี แต่ถ้าหากโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐต่ออีกสมัย เชื่อว่าสหรัฐจะมีการเจราการค้ากับจีนได้.-สำนักข่าวไทย