เปิดคลิปฟอร์จูนเนอร์ชนแล้วหนี พบเป็นอดีตนายพล

กทม. 13พ.ย.-หนุ่มพลเมืองดีช่วยสกัดจับรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ชนแล้วหนี จนหวิดโดนชนเสียเอง  สุดท้ายตามจับมาได้พบเป็นอดีตนายทหารยศ “พลตรี”


เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา  ผู้ใช้ Facebook ชื่อ  “Warayoot Pinjai” และ Facebook ชื่อ “ได้หมดถ้าสดชื่น ระวังจะลื่นถ้าสดจัด”  โพสต์คลิปวิดีโอความยาวราว 2-3 นาที  เป็นภาพรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์  โดยมีกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ 4-5 คันขี่ไล่ตาม บีบแตรเรียกดังสนั่น ถ.สุขุมวิท พร้อมตะโกนบอกให้ “หยุดรถ”  ซึ่งจับใจความได้ว่า รถยนต์คันดังกล่าวคล้ายก่อเหตุชนแล้วหนี   จึงมีพลเมืองดีช่วยกันขี่รถตามไปเพื่อพูดคุย


อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ผู้ขับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์จะไม่จอดลงมาคุย แถมยังขับรถชนกลุ่มจักรยานยนต์จนได้รับความเสียหาย และขับพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนที่ยืนอยู่  โดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่  โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนถนนสุขุมวิทขาเข้า บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง มุ่งหน้าไปแยกเอกมัย พื้นที่รับผิดชอบของ สน.คลองตัน

คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลฯ 18,000 ครั้ง และมีผู้เข้ารับชมคลิปมากว่า 1.1 ล้านครั้งแล้วในช่วง 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนี้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น รุมประณามพฤติกรรมของชายขับรถยนต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้โพสต์ได้โพสต์ล่าสุด สามารถสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวได้แล้ว พบผู้ขับเป็นนายทหารยศนายพล

หลังจากนั้น ตำรวจ สน.คลองตัน ได้สกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวได้แล้วที่บริเวณสถานีขนส่งเอกมัย และคนขับอ้างว่าเป็นอดีตนายทหารยศใหญ่  ก่อนที่ทั้งผู้เสียหายและอดีตนายทหารนายดังกล่าวจะเดินทางไปที่ สน.คลองตันเพื่อเจรจาและดำเนินคดี


ด้านนายวรายุทธ ปิ่นใจ เจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ถูกชนและผู้ถ่ายคลิป เล่าเหตุการณ์ว่า เหตุเกิดขึ้นช่วงซอยสุขุมวิท  50  พบเห็นรถฟอร์จูนเนอร์ขับเบียดรถจักรยานยนต์ซีบีอาร์  ซึ่งขี่ซ้อนกันมา 2 คน แต่รถฟอร์จูนเนอร์กลับขับไปต่อ จึงขับรถติดตามบีบแตรเรียกให้รู้ว่าเบียดรถจักรยานยนต์คันอื่น  แต่ไม่มีท่าทีจะหยุดรถ   กระทั่งถึงไฟแยกจึงจอดรถจักรยานยนต์ขวางด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกให้จอดรถ แต่เหตุการณ์กลับบานปลาย โดยไม่คาดคิด  

ด้านนายอนันต์ จันทร์ภู่ คนขับรถจักรยานนต์ซีบีอาร์   บอกว่า คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ ขับขี่ลักษณะส่ายไปมากระทั่งเบียดรถตัวเองจนติดขอบเกาะกลางถนน ซึ่งตัวเองได้เคาะกระจกรถเรียกคนขับ แต่คนขับไม่หยุดรถ จนผู้เหตุการณ์ ช่วยกันขับรถติดตามเพื่อเรียกให้หยุด แต่คนขับรถยนต์ก็ไม่ยอมหยุดจนเกิดเหตุบานปลาย  

ส่วน พล.ต.สุรศักดิ์ จิตต์บุญ  คนขับรถฟอจูนเนอร์  อ้างว่าไม่ทราบว่าขับรถเบียดผู้อื่น ส่วนที่ไม่ได้หยุดรถเพราะตกใจกลัวที่มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาไล่ตามหลายคัน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้น โดยพบว่าคนขับรถยนต์  อาจเข้าข่ายความผิด ขับรถโดยประมาทและทำให้เสียทรัพย์ ส่วนผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอลล์ของคนขับรถยนต์ ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง