ยะลา 6 พ.ย. – เหตุการณ์คนร้ายโจมตีป้อมจุดตรวจ ชรบ. ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา นับเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งใหญ่ในพื้นที่ชายแดนใต้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องเร่งปรับแผนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อีกครั้ง
สภาพจุดตรวจ ชรบ. บ้านทางลุ่ม ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เต็มไปด้วยคราบเลือด และร่องรอยความเสียหายจากระเบิดเอ็ม 79 และอาวุธปืนสงครามของคนร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 15 คน ที่กระจายกำลังบุกเข้าโจมตี ด้วยการโอบล้อมป้อม ชรบ. และกราดยิงเข้าใส่นับร้อยนัด
ชาวบ้านคนนี้ ซึ่งอยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ และเป็นคนแรกที่เดินทางเข้าถึงที่เกิดเหตุ เล่าว่า ออกจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 5 นาที คนร้ายซึ่งคาดว่าเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่ และดักซุ่มอยู่ในป่าสวนยางรอบป้อม ชรบ. ได้กระจายกำลังกันโอบล้อมทั้งด้านหน้าและด้านข้างของป้อม ยิงถล่มเข้าใส่ชาวบ้าน โดยเชื่อว่ามีการวางแผนและดูลาดเลามาอย่างดี ใช้เวลาปฏิบัติการราว 10 นาที
นายทนง ไหมเหลือง นายก อบต.ลำพะยา ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเวรร่วมในคืนเกิดเหตุ เปิดเผยว่า จุดตรวจแห่งนี้จะมีชาวบ้านมาอยู่เวรประจำทุกคืน ตั้งแต่ 18.00-06.00 น. โดยเฉพาะคืนวันอังคาร ซึ่งเป็นการอยู่เวรร่วม 7 หมู่บ้านใน ต.ลำพะยา จะมีชาวบ้าน ทั้ง ชรบ. อรบ. ผช.ผญบ. มาร่วมเยอะกว่าทุกคืน บางครั้งมากถึง 4-50 คน โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้จะมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันเหตุได้ โดยคนร้ายปล้นเอาอาวุธปืนของชาวบ้านไป เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 10 กระบอก ในจำนวนนี้เป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซองยาว 4 กระบอก และปืนสั้น 5 กระบอก
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบกองเลือดขนาดใหญ่ หมวกและผ้าพันคอเปื้อนเลือด ซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้ายที่ถูก ชรบ.ยิงตอบโต้ได้รับบาดเจ็บ และหลบหนีไปทางป่าสวนยาง มุ่งหน้าบ้านปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งได้จัดกำลังออกติดตามไล่ล่าแล้ว
แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม มีผู้หญิงเสียชีวิตถึง 3 คน โดยการก่อเหตุของคนร้ายพุ่งเป้าที่เป้าหมายอ่อนแอ ชรบ. อรบ. ซึ่งเป็นกำลังภาคประชาชน
หลังจากนี้ กอ.รมน.ภาค 4 จะเดินหน้าใช้แผนกำลังจรยุทธ์ ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมกับภาคประชาชน ควบคุมพื้นที่การเคลื่อนไหวของคนร้าย และปรับการทำงาน เพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเป้าต่อไป
การก่อเหตุของคนร้าย ซึ่งครั้งนี้ถือว่ามีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากที่สุดถึง 15 คน สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งยังเป็นเรื่องท้าทายเจ้าหน้าที่และความร่วมมือจากประชาชน ที่จะร่วมมือกันต่อต้านความรุนแรง ติดตามไล่ล่าคนร้าย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกในอนาคต. – สำนักข่าวไทย