สำนักข่าวไทย 27 ต.ค. รองผอ.ศูนย์บริการโลหิต คาดในต้นเดือนพ.ย. สถานการณ์โลหิตคงคลัง จะกลับสู่ภาวะปกติ หากคงระดับการรับบริจาคโลหิตได้เฉลี่ยวันละ 2,500 ยูนิต พร้อมแจงสาเหตุการขาดเลือดเพราะความต้องการใช้เพิ่ม ในการรักษาโรคมะเร็งและผ่าตัด ส่วนภาคที่ต้องการรับเลือดมากที่สุดได้แก่ ตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันออก
นางสาวภาวิณี คุปตะวินทุ รองผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์โลหิตขาดแคลน ว่า ขณะนี้หลังจากมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนร่วมกันบริจาคโลหิตในทุกเลือด ทำให้จำนวนโลหิตเข้าคลังมากขึ้น ถึงวันละ 2,500 ยูนิต จากปกติได้รับเฉลี่ยวันละ 1,500 ยูนิต ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่าสถานการณ์เลือดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในต้นสัปดาห์หน้า หรือ ต้นเดือนพฤศจิกายน แต่การรับบริจาคโลหิตยังคงต้องทำต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ใกล้สิ้นปี ซึ่งมีเทศกาลเฉลิมฉลองและการเดินทาง จำเป็นที่ต้องมีการสำรองโลหิตต่อเนื่อง
นางสาวภาวิณี กล่าวว่า ในส่วนปัญหาการขาดแคลนโลหิตในขณะนี้ แม้ไม่ได้มีอุบัติเหตุใหญ่ หรือ อัตราการเกิดลดลง แต่ว่าความต้องโลหิตเพิ่ม ขึ้นทุกปี ใช้ในโรคมะเร็ง และการผ่าตัด ที่ต้องการเลือดสำรองในปริมาณมาก โดยโลหิตที่ได้รับนี้จะกระจายไปทุกโรงพยาบาล สำหรับภาคที่มีความต้องการโลหิตมากที่สุดได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมา ภาคตะวันออก