ตลท. 24 ต.ค. – RBF เข้าซื้อขายหุ้นวันแรก SET เปิดตลาด 4.08 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO ที่ 3.30 บาทต่อหุ้น เพิ่ม 23.64%
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “RBF” ในวันที่ 24 ตุลาคม 2562
สำหรับ RBF ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมอาหาร นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ธุรกิจโรงแรม 2 แห่ง คือ โรงแรมไอบิส สไตล์ เชียงใหม่ และโรงแรมโนโวเทล ชุมพร บีช รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ RBF มีทุนชำระ 2,000 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 520 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณ กรรมการ ผู้บริหารพนักงานของบริษัทฯ และผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2562 ราคาหุ้นละ 3.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,716 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,600 ล้านบาท มีบจก.แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บมจ.บล. ฟินันเซีย ไซรัส ร่วมกับ บมจ. บล. กสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งนี้เป็นการเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท เพื่อรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจด้าน Food Ingredients อย่างครบวงจร สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งเพื่อลงทุนเปิดบริษัทตัวแทนและห้องทดลองเพื่อวิจัยและพัฒนาในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้าประเภทวัตถุแต่งกลิ่น รวมถึงการสร้างโรงงานผลิต และจำหน่ายเกล็ดขนมปัง และแป้งประกอบอาหารในประเทศอินโดนีเซีย พร้อมปรับปรุงและซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตเกล็ดขนมปัง การผลิตแป้งทอดกรอบและการผลิตวัสดุแต่งกลิ่นรสแบบอัตโนมัติ ซึ่งต่างประเทศนิยมบริษัทไทยเนื่องจากเป็นเชื่อมั่นในด้านอาหาร
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 147.59 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 170.24 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ซึ่งเป็นค่าใช้จ่าย one time ประมาณ 30 ล้านบาท ประกอบด้วย การตั้งด้อยค่ากิจการโรงแรม 11.6 ล้านบาท การตั้งสำรองหนี้สินผลประโยชน์พนักงานเพิ่มเติม 9.9 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาด้านบัญชี ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนและอื่น ๆ รวมอีกประมาณ 9 ล้านบาท. – สำนักข่าวไทย
