“อนุทิน” ปลื้ม แบน 3 สารเคมีสำเร็จ

ทำเนียบฯ 22 ต.ค.- “อนุทิน” ปลื้ม แบน 3 สารเคมีสำเร็จ ระบุ ไม่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐมนตรี   ภูมิใจ 3 อธิบดีของ สธ.ไปลงมติด้วยตัวเอง ย้ำ ใช้ 3 สารเคมีได้ถึง 1 ธ.ค.62 เท่าหนั้น หลังจากนั้นถือว่าผิดกฎหมาย


นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับทราบมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่แบน 3 สารเคมี ด้วยคะแนนที่ขาดลอยแล้ว และรู้สึกดีใจที่ประเทศไทยยังมีข้าราชการ  และนักวิชาการ ที่มีคุณธรรม มีสำนึกที่ดีต่อประชาชน  โดยเฉพาะข้าราชการที่มีมติแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิด  

นายอนุทิน ย้ำว่า มีความภาคภูมิใจในอธิบดีของกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 3 คือ อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเลขาธิการองค์การอาหารและยา ที่พร้อมใจที่เดินทางไปประชุมด้วยตัวเอง และลงมติแบบเปิดเผย นำนโยบายของกระทรวงไปทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ประสบความสำเร็จ


“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นภารกิจของรัฐมนตรี โดยเฉพาะผม ที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน  เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในนโยบายตอนหาเสียงด้วยซ้ำ” นายอนุทิน กล่าว

ต่อข้อถามว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พูดคุยเรื่องของแนวทางการแก้ปัญหา หลังแบนสารเคมี 3 ชนิดนี้หรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือกัน แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีมาตรการต่างๆ มารับมือ เพราะจะใช้ 3 สารเคมีนี้ได้จนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เท่านั้น หลังจากนั้นใครที่ครอบครอง 3 สารเคมีดังกล่าว ก็จะต้องถูกดำเนินการ  ซึ่งขอไปดูข้อกฎหมายว่าจะต้องจัดการอย่างไร เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีสารตัวอื่นขึ้นมาทดแทน และกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการในการเยียวยา และแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร 

เมื่อถามว่า ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐมนตรีในสังกัดพรรคภูมิใจไทยหรือไม่  นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่ไช่งานของพรรค แต่เป็นความร่วมมือของทุกกระทรวง ข้าราชการและ นักวิชาการ ที่อยู่ในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ 


“วันนี้เป็นวันที่ดี เปิดเผยได้ชัดว่า ใครเห็นด้วย และใครไม่เห็นด้วย และหลังจากนี้ ขอให้จำชื่อบุคคลเหล่านี้ไว้ด้วย” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า กลุ่มผู้คัดค้านเดินหน้าร้องศาลปกครอง เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ใครมีอะไรทำได้ก็ทำ เรามีหน้าที่แบน ก็แบนสุดหัวใจ ใครจะค้าน ก็ไปค้านให้สุดหัวใจ แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย  และดูผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราถือว่าถ้าเราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว 

“ที่ผ่านมาเราทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่เป็นความเป็นความตาย  เป็นเรื่องของสุขภาพ  เรื่องสารพิษคนที่ไม่เคยโดนจะไม่รู้” นายอนุทิน กล่าว        . – สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปมเหตุเผาพ่อค้าแตงโมเสียชีวิต กลางลานจอดรถ

เผยปมเหตุเผาพ่อค้าขายแตงโมกลางลานจอดรถวัดดังย่านยานนาวา ล่าสุดลูกสาวโพสต์เศร้า หลังพ่อเสียชีวิต พบประวัติผู้ก่อเหตุเพิ่งพ้นโทษคดีพยายามฆ่าเมื่อ 4 ปีก่อน

ระงับทุนการศึกษาเมียนมา

VOA ส่งตรงจากสหรัฐ : “ทรัมป์” ระงับทุนการศึกษา นศ.เมียนมา

นักเรียนทุนเมียนมาตกใจเมื่อพบว่าทุนการศึกษาของพวกเขาถูกยกเลิกไปกะทันหัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งระงับงบประมาณ 45 ล้านดอลลาร์ที่ให้กับนักศึกษาเมียนมากว่า 400 ชีวิต ภายใต้องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ หรือ USAID คุณคมสัน ศรีธนวิบุญชัย ผู้สื่อข่าววีโอเอไทย ส่งรายงานมาจากสหรัฐ

ฆ่ายัดกระเป๋า

พบเบาะแสคนร้าย คดีฆ่าสาวยัดกระเป๋าถ่วงน้ำ

พบเบาะแสคดีฆ่าสาวปริศนา ยัดกระเป๋าถ่วงน้ำ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยเห็นรถต้องสงสัยบริเวณจุดทิ้งศพ เชื่อวนกลับมาดูว่าศพลอยน้ำหรือไม่

สาดน้ำร้อน

คุมตัว “พีม-โอชิ” มือสาดน้ำซุปรังสิต ดำเนินคดีเพิ่ม

ตำรวจ คุมตัว “พีม-โอชิ” มือสาดน้ำซุปรังสิต มาโรงพัก แม่ผู้เสียหายร้องไห้ถาม “ทำแบบนี้กับลูกของแม่ทำไม สำนึกผิดบ้างไหม”

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคอีสานอากาศเย็นถึงหนาว-กทม.อากาศเย็นตอนเช้า

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสานมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง

5แรงงานไทย

อ้อมกอดครอบครัวเยียวยาฝันร้ายแรงงานไทย

หลายฝ่ายเยียวยาผลกระทบ 5 แรงงานไทยในอิสราเอล ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันนาน 1 ปี 4 เดือน แต่ครอบครัว คือ การเยียวยาจิตใจให้ลืมฝันร้ายได้ดีที่สุด ติดตามบรรยากาศสู่อ้อมกอดของครอบครัวอย่างอบอุ่น ของนายวัชระ ศรีอ้วน ชาวอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี

สาดน้ำร้อน

คุมตัว “พีม-โอชิ” มือสาดน้ำซุปรังสิต ดำเนินคดีเพิ่ม

ตำรวจ คุมตัว “พีม-โอชิ” มือสาดน้ำซุปรังสิต มาโรงพัก แม่ผู้เสียหายร้องไห้ถาม “ทำแบบนี้กับลูกของแม่ทำไม สำนึกผิดบ้างไหม”