อุดรธานี 18 ต.ค.-ผบก.ภ.จว.อุดรธานี สั่งสอบคลิปตำรวจทำร้ายร่างกายกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นนักข่าว ขณะที่ร้อยเวรคนดังกล่าวยืนยันไม่ได้ทำ ส่วนประธานสมาคมนักข่าวอุดรฯ ยืนยัน กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ไม่ใช่นักข่าว
เพจ “Police sun time Thailand” ที่อ้างเป็นกลุ่มเผยแพร่ข่าวในอุดรธานี โพสต์คลิปและข้อความ “ตำรวจหรือนักเลง” โดยเป็นเหตุการณ์ที่มีตำรวจปะทะคารมกับนักข่าวที่ สภ.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ซึ่งในคลิปจะเห็นกลุ่มชาย 3 คนอ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าว และขอพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีรถยนต์ชนกับบิ๊กไบค์ ซึ่งเป็นคดีเมื่อ 31 สิงหาคม 2561 เพื่อขอไกล่เกลี่ยการจ่ายเงินค่าเสียหาย แต่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีไม่ได้ปฏิบัติราชการ และได้เดินทางมาด้วยชุดนอกเครื่องแบบ ซึ่งในคลิปมีการกล่าวหาว่าพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวใส่ชุดนอกเครื่องแบบและมีอาการมึนเมาสุรา นอกจากนี้ในคลิปยังมีการปะทะคารมกันอย่างรุนแรง จนเกือบเกิดเหตุการณ์บานปลาย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย เดินทางไปที่ สภ.โนนสูง เพื่อติดตามข้อเท็จจริง และพบกับ พ.ต.ท.ชลิต ศรีหานู รองผู้กำกับการ ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้า สภ.โนนสูง โดยให้ข้อมูลว่า หลังเกิดเหตุการณ์ได้ให้ ร.ต.อ.เรืองเดช ศรีนวลจันทร์ พนักงานสอบสวน ที่ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายชายที่อ้างว่าเป็นนักข่าว มาชี้แจงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยต้นเหตุมาจากที่กลุ่มที่อ้างตัวเป็นนักข่าว 3 คนมาขอพบ เพื่อติดตามคดีและขอไกล่เกลี่ยค่าเสียหายเหตุการณ์ที่มีรถเก๋งชนกับบิ๊กไบค์เมื่อปีที่แล้ว แต่ ร.ต.อ.เรืองเดช ไม่อยู่ จึงถูกโทรตาม และต้องมา สภ.โนนสูง โดยไม่ได้สวมเครื่องแบบ จากนั้นจึงได้ถามกลุ่มชายทั้ง 3 คนว่าเกี่ยวข้องอะไรกับคดี ซึ่งกลุ่มดังกล่าวอ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากคนขับรถเก๋ง มาขอต่อรองจ่ายเงินชดใช้จาก 100,000 บาท เหลือ 20,000 บาท พร้อมกับถามว่าทำไมเงินที่จ่ายไป 20,000 บาทรอบแรก ไม่มีการออกใบเสร็จ จากนั้นจึงเปิดฉากโต้เถียงกันตามคลิป โดย ร.ต.อ.เรืองเดช เป็นคนสวมเสื้อแขนยาวสีแดงอมน้ำตาล ส่วน ร.ต.ต.ประยูร ศรีกงพาน รองสารวัตรปราบปราม สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินและกางเกงขาสั้น ซึ่งไม่ได้เข้าเวรแต่ได้เข้ามาห้ามปราม เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์ต่างเอะอะโวยวายเสียงดัง จากนั้นหลังเกิดเหตุ กลุ่มชายทั้ง 3 คน ทราบชื่อ 2 คน คือ นายพยัคฆ์ชัย มหัทธนพิชัย อายุ 49 ปี และ นายพิทยา แจ่มจันทร์ อายุ 37 ปี ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ว่า ได้พานายสมนึก คงแก้ว ไปถามความคืบหน้าคดีของหลานสาว (คนขับรถยนต์) แต่อ้างว่าถูก ร.ต.อ.เรืองเดช พูดจาไม่สุภาพและชกปลายคางนายพยัคฆ์ชัย จึงแจ้งความเอาผิดฐานทำร้ายร่างกาย
ด้าน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้สั่งให้ ร.ต.อ.เรืองเดชฯ ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีจนกว่าการสอบข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้น มีกรอบเวลา 15 วันเพื่อรายงานผล ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
ด้านนายประทวน เชิดพานิชย์ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า กลุ่มชายทั้ง 3 คนไม่มีรายชื่ออยู่ในสมาคมนักข่าวอุดรธานี เพราะนักข่าวในอุดรฯ จะมีสังกัดใหญ่ทั้งหนังสือพิมพ์, วิทยุ และ โทรทัศน์ สามารถตรวจสอบและควบคุมจริยธรรมกับจรรยาบรรณกันเอง ซึ่งนักข่าวไม่สามารถไปต่อรองคดีความใดๆ ได้
ด้าน ร.ต.อ.เรืองเดช ศรีนวลจันทร์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 13 สิงหาคม 2561 ในที่เกิดเหตุชี้ว่า นักศึกษาหญิงคนขับรถเก๋งสีดำเป็นฝ่ายผิด และครูวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี ผู้ขับขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ดูคาติ (Ducati) สีแดง ได้รับบาดเจ็บ รถเสียหาย แต่คู่กรณีขอตกลงกันเอง โดยตกลงว่าฝ่ายรถเก๋งขอชดใช้เป็นเงิน 1.2 แสนบาท จ่ายก่อน 2 หมื่นบาท เหลือ 1 แสนบาท จึงปรับทั้งคู่และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน นัดจ่ายค่าเสียหายส่วนที่เหลือ 30 กันยายน 2562 แต่ฝ่ายรถเก๋งผิดนัดจึงออกหมายเรียกนัดไกล่เกลี่ย 19 ตุลาคม 2562 จากนั้นจึงมีชาย 3 คนอ้างเป็นนักข่าวมาขอเคลียร์เรื่องคดี เพราะเห็นว่ารถเก๋งจ่ายแพงเกินไป ขอลดเหลือ 2 หมื่นบาท จึงได้บอกไปว่าคู่กรณีตกลงกันแล้วและตำรวจแค่เป็นผู้ลงบันทึกประจำวัน ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปี ผู้บาดเจ็บมีอาการกระดูกสันหลังเคลื่อน ต้องรักษาตัวนาน 6 เดือน รถจักรยานยนต์เข้าศูนย์ตีค่าซ่อม 2.3 แสนบาท แต่ขอค่าซ่อมและค่ารักษาพยาบาลแค่ 1.2 แสนบาท แถมขายซากรถไปแล้ว 4 หมื่นบาท แต่คนขับรถเก๋งไม่ยอมมาตามนัด จึงออกหมายเรียกให้มาตกลงกันเอง ทำให้มีการพูดจาเสียงดังเพื่ออธิบาย และยืนยันไม่ได้ทำร้ายร่างกายนักข่าว เพียงแต่อาจพูดเสียงดัง แต่ไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย