นราธิวาส 17 ต.ค.- น่าห่วง ! สวนยางพารานราธิวาสประสบปัญหาเชื้อราระบาดหนัก พบแล้วหลายอำเภอ มากสุดแว้ง-ระแงะ-รือเสาะ ด้าน ผอ.กยท.สุไหงโก-ลก ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเร่งรายงานต้นสังกัดหาทางแก้ปัญหาก่อนลุกลามจังหวัดใกล้เคียง
นายวีระ นุ้ยผอม ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สาขาสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นำเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เชื้อรา Pestalotiopsis sp. ระบาดต้นยางพาราในอำเภอแว้งว่า ยางพาราแต่ละต้นพบลักษณะการผลัดใบและใบจะมีจุดคล้ายรอยไหม้ ซึ่งเชื้อราชนิดนี้สามารถแพร่ระบาดได้สภาพภูมิอากาศร้อนชื้นและฝนตกชุก ซึ่งอาการใบร่วงจากเชื้อรานี้ มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นยางพารา เนื่องจากแต่ละต้นมีใบร่วงมากกว่าร้อยละ 90 จึงเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ผลผลิตลดลงถึงร้อยละ 30-50 หากเจ้าของสวนยางพารายังคงกรีดยางเพื่อเป็นรายได้ ในขณะที่ต้นยางพาราติดเชื้อรานี้ มีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อต้นยางพาราในอนาคตได้ คืออายุของต้นยางพาราอาจสั้นลง เนื่องจากต้นยางพาราขาดน้ำเลี้ยงและเปลือกของต้นยางพาราจะแห้งและยืนต้นตายไปในที่สุด
นายวีระ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าเชื้อราชนิดนี้ระบาดหลายอำเภอ ภาพรวมเป็นเนื้อที่หลายแสนไร่ มากสุดคือ อ.แว้ง ระแงะ และรือเสาะ ทางสำนักงาน กยท.ที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ๆ ได้เข้าไปสำรวจและทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเบื้องต้นแล้ว และ ผอ.กยท.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ดังนั้น ตนเร่งปรึกษาหารือผู้บังคับบัญชา เพื่อขอนำโดรนติดตั้งเครื่องบรรจุน้ำยาฆ่าเชื้อราบินโปรยยากำจัดเชื้อราให้กับสวนยางพาราของเกษตรกร โดยจะทดลองที่ ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง หากได้ผลจะดำเนินการในพื้นที่อื่นเพิ่มเติม
ด้านนายนิพนธ์ ศรีสุวรรณ ประธานศูนย์รวบรวมน้ำยางสด อ.แว้ง กล่าวว่า ตอนแรกคิดว่าใบร่วงเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่เมื่อมาเปิดเวทีพูดคุยกับชาวบ้านวิเคราะห์หาสาเหตุน้ำยางออกน้อย และสงสัยเรื่องใบร่วง จึงได้แจ้งไป กยท. สาขาสุไหงโก-ลก ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและเจ้าหน้าที่วิจัยเกี่ยวกับโรคได้นำใบยางที่ร่วงไปเพาะเชื้อทราบว่าเป็นโรคที่ระบาดมาจากเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้กวาดใบและฉีดพ่นยากำจัด แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยาก เพราะมีพื้นที่กว้าง
“ถ้าสังเกตใบร่วงแล้วเกิดยอดขึ้นมาใหม่ ยอดใหม่มันก็จะติดโรคอีกมันก็จะวนอยู่อย่างนี้ ซึ่งจะกระทบต่อต้นยางหน้าตายน้ำยางไม่มี ทราบว่าขณะนี้แพร่ระบาดไปในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก สุคิริน สุไหงปาดี และระแงะแล้ว อาจลามไปจังหวัดใกล้เคียง หากไม่รีบป้องกัน”.-สำนักข่าวไทย