ไบเทค 16 ต.ค.-ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย เปิดตัวโครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ในโอกาสฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562ตั้งเป้ามีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ 1.5 แสนคน ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ศ.กิตติคุณ นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล ประธานคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย และนายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ร่วมด้วย นพ.วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ร่วมแถลงข่าวโครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
นพ.วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่อวัยวะเสื่อมสภาพ และช่วยลดอัตราการเสียชีวิต โดยปัจจัยหลักในการรักษาด้วยวิธีนี้คือการให้ได้มาซึ่งอวัยวะจากผู้บริจาค ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนรอรับอวัยวะถึง 6,271 ราย แต่มีผู้ได้รับปลูกถ่ายอวัยวะเพียง 481 ราย จึงเกิดปัญหาอวัยวะไม่เพียงพอสำหรับการปลูกถ่าย สาเหตุเกิดจากปัจจัยหลายอย่างอาทิ การขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะภายหลังที่เสียชีวิตแล้ว
รวมถึงขั้นตอนการประสานงานระหว่างโรงพยาบาลที่มีผู้เสียชีวิตสมองตาย และโรงพยาบาลที่ทำการปลูกถ่ายอวัยวะมีหลายขั้นตอน โดยศูนย์รับบริจาคอวัยวะจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของผู้บริจาค รวมถึงให้คำแนะนำ ประสานงานต่างๆ ทั้งทีมแพทย์ผ่าตัด การจัดหายานพาหนะที่จำเป็นสำหรับทีมแพทย์ ในการเดินทางไปทำการผ่าตัด และการจัดส่งอวัยวะที่ได้รับบริจาคไปยังโรงพยาบาลที่ปลูกถ่ายอวัยวะอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาคุณภาพของอวัยวะนั้นๆ ให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามด้วยภารกิจด้านการรับบริจาค และปลูกถ่ายอวัยวะจะไม่สามารถสำเร็จลุล่วงได้ “ถ้าไม่มีผู้บริจาคอวัยวะ ก็ไม่มีอวัยวะ และการปลูกถ่ายก็จะไม่เกิดขึ้น” ศูนย์รับบริจาคอวัยวะจึงจัดทำโครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2562- 4 พฤษภาคม 2563
ทั้งนี้ ตั้งเป้ามีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะจำนวน 150,000 คน ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างศูนย์รับบริจาคอวัยวะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับบริจาคอวัยวะเพื่อความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
เพื่อความสะดวกในการแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะทั่วประเทศ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะจึงเพิ่มช่องทางการบริจาคผ่าน “บริจาคอวัยวะออนไลน์” ในเว็บไซต์ www.organdonate.in.th และบริจาคอวัยวะผ่าน “Mobile Application :บริจาคอวัยวะ” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ ผู้สนใจสามารถกรอกข้อมูลผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะตามขั้นตอนอย่างครบถ้วน หลังจากนั้นระบบจะส่ง sms และ e-mail แจ้งผู้แสดงความจำนง และญาติผู้บริจาคอวัยวะ ต่อไป.-สำนักข่าวไทย