ครม.เศรษฐกิจออก 18 มาตรการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทำเนียบรัฐบาล 11 ต.ค. – ครม.เศรษฐกิจปลดล็อก 18 มาตรการ หนุนท่องเที่ยวปี 62 ทำได้ตามเป้า ด้วยยอดนักท่องเที่ยว 39.8 ล้านคน รายได้ 2.04 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจไทยโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง แถลงผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ ว่า ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในวันนี้รวม 18 มาตรการ นับเป็นการปลดล็อคครั้งใหญ่เพื่อให้มั่นใจได้ว่า การท่องเที่ยวไทยจะเดินหน้าได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 39.8 ล้านคน  มีรายได้ 2.04 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ปีนี้ให้โตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 นอกจากนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง Event สำคัญดึงดูดนักท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแบบ Thailand Plus One มาไทยแล้วไปเที่ยวต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เวียดนาม และกัมพูชา เป็นต้น ท่ามกลางผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวที่เติบโตรวดเร็วอย่างเวียดนาม

สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตดี แม้เงินบาทแข็งค่า แต่ละเดือนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 3.5 ล้านคน ขณะที่คนไทยก็ท่องเที่ยวและจัดสัมมนาในประเทศด้วยเช่นกัน โดยรัฐบาลออกมาตรการต่าง ๆ เข้ามาช่วยเช่น มาตรการ ชิม ช้อป ใช้ “เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อคโลก”   และ“100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” และการกระตุ้นให้มีการจัดประชุมสัมมนาของหน่วยภาครัฐและเอกชน เป็นต้น


“ในอนาคตเมื่อปลดล็อคทุกอย่างได้ มีการจูงใจมี Event ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนในปีต่อไปได้ และเป็นภาคที่สดใสที่สร้างรายได้เข้าประเทศ” นายกอบศักดิ์ กล่าว

นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ส.ค.62) มียอดรวม 26.56 ล้านคน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 2.83 สร้างรายได้สะสม 1.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.91เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในช่วง 4 เดือนที่เหลือปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค.62) จะต้องดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกรวม 13.3 ล้านคน แบ่งเป็นเดือน ก.ย. 3.04 ล้านคน ต.ค. 3.22 ล้านคน พ.ย. 3.24 ล้านคน และเดือนธ.ค. 3.94 ล้านคน ด้าน รายได้จะต้องทำให้ได้อีกรวม 7.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเดือน ก.ย.  0.18 ล้านล้านบาท ต.ค. 0.17 ล้านล้านบาท พ.ย. 0.18 ล้านล้านบาท และเดือนธ.ค. 0.23 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้เพื่อสร้างรายได้ จึงออกมาตรการ 2 กลุ่ม คือ  กลุ่มมาตรการอำนวยความสะดวก เช่น E-Visa E-VOA และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว เช่น การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดโครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Privileges” โดยได้หารือกับสมาคมการค้าปลีกเข้าร่วมโครงการ ซึ่งปีที่ผ่านมา มีร้านค้าร่วมโครงการ 261 แห่ง ปีนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 400 แห่ง  และหากซื้อสินค้ามาก ขนกลับไม่สะดวก ปีนี้มีบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้ามาร่วมอำนวยความสะดวกลดค่าบริการทันที 500 บาท โดยมีการเปิดให้บริการตามห้างสรรพสินค้า พร้อมกันนี้จะดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพโดยร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE เข้ามาให้มากขึ้น โดยดึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลกมาจัดกิจกรรมในประเทศไทย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจัดงานกิจกรรมมหกรรมระดับโลกหรือกิจกรรมขนาดใหญ่ ระดับ World Event และ Mega Event ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย เป็นต้น


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเห็นชอบ  18 มาตรการของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจอุนมัติล่าสุดนี้ จะช่วยให้การท่องเที่ยวไทยบรรลุเป้าหมายปีนี้ ส่วนปี 2536 ตั้งเป้าหมายจะมียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 41.8 ล้านคน สร้างรายได้เพิ่มเป็น 2.2 ล้านล้านบาท เพราะปัจจุบันไทยมีปัจจัยลบเช่น ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ในขณะที่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของไทย ที่ WEF จัดลดอันดับลง ปัจจุบันอยู่ลำดับที่ 130 จาก 140 กว่าประเทศ ดังนั้นจุดขายเดิมคือ ธรรมชาติที่สวยงามอาจไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกต่อไปได้ ประกอบ การชะลอตัวของเศรษฐกิจของหลายประเทศและค่าเงินที่ผันผวน อีกทั้งการแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวที่รุนแรงของประเทศต่าง ๆ เช่น เวียดนามมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวสูงที่สุดในโลก เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี คศ.2010 ถึง 3 เท่า ปัจจุบันมียอดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 15 ล้านคน รวมทั้งยังมีมาเลเซียและอินโดนีเซียเข้ามาแข่งขันกับไทยด้วย

สำหรับมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ไทยเที่ยวไทย ประมาณร้อยละ 5-10 ด้วยระบบการลงทะเบียนใช้เงินนอกจากหวัดภูมิลำเนา ด้านรายได้จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-20 ดังนั้น ททท.จึงคาดว่า รายได้ในประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 1.12 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากมาตรการอื่น ๆ ด้วย เช่น  “เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อคโลก”   และ“100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” ที่จะออกกลางเดือนหน้า(พ.ย.) ซึ่งในที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจยังสั่งการให้มีการกระตุ้นการจัดสัมมนาในประเทศภายในสิ้นปีด้วย ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย สถานการณ์คนไทยเที่ยวในประเทศในช่วง  8 เดือนแรก มียอดรวมรวม 103.5 ล้านคนครั้ง จากปีที่ผ่านมามียอด 160 ล้านคนครั้ง ปีนี้ททท.ต้องการผลักดันให้ได้ 180 ล้านคนครั้ง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เพื่อเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยวหรือโลซีซั่น ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้(11 ต.ค.) อนุมัติเบื้องต้นให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดงานใหญ่ เช่น Moto Gp คอนเสร์ต Tomorrow Land งาน EDC เป็นต้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาพื้นที่ที่ต้องการใช้ไม่ต่ำกว่า 500 ไร่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง เชื่อว่า จะช่วยสร้างรายได้แต่ละครั้งกว่า 10,000 ล้านบาท มีผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่าครั้งละ 400,000 คน และนักท่องเที่ยวยังเดินทางท่องเที่ยวต่อในประเทศอีกด้วย นโยบายเปิดสถานบริการจนถึง 4.00 น.ยังอยู่ระหว่างศึกษาสิ้นปีน่าจะเสร็จสินปีนี้ และนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจต่อไป

สำหรับ 18 มาตรการที่ได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในวันนี้(11 ต.ค.) เช่น มาตรการระยะสั้นภายในปี 2562 มาตรการด้านการเงินการคลังและกฎหมาย ประกอบด้วย การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเพิ่มจุดคืนภาษีในพื้นที่เมืองและคืนภาษีในรูปแบบเงินสด ณ จุดขาย การทบทวนข้อกฎหมาย ระเบียบ มาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย  และมาตรการหักรายจ่าย 2 เท่าของบริษัทหรือห้าหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ 

มาตรการอำนวยความสะดวกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวด้านวีซ่า เช่น Double Entries Visa และ Re-entry Permit การขยายระยะเวลาการเปิดด่านชายแดนจาก 8.30-16.30 น. เป็น 24 ชั่วโมงจำนวน 2 ด่าน ได้แก่ ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย และด่านชายแดนไทย-ลาว เป็นระยะเวลา 6 เดือน ขอความร่วมมือกระทรวงการต่างประเทศในการเร่งรัดการใช้ระบบ E-Visa ให้ครอบคลุมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนทั่วประเทศ ขอความร่วมมือเร่งประชาสัมพันธ์ระบบ E-VoA ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูล เป็นต้น

มาตรการกระตุ้นตลาดและเพิ่มการใช้จ่าย เช่น โครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Privileges” โครงการ ประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติ ส่งเสริมการจัดประชุมภาครัฐนอกสถานที่  

ส่วนมาตรการระยะยาว ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป เช่น มาตรการด้านการเงิน การส่งเสริมขึ้นทะเบียนสถานพักแรมและให้สินเชื่อพิเศษสำหรับปรับปรุงสถานประกอบการให้มีมาตรฐาน โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)ค้ำประกัน มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น ด้านความปลอดภัยและลดจำนวนการสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บของนักท่องเที่ยว การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวัฒนธรรมโดยเพิ่มจำนวนแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก 

มาตรการกระตุ้นตลาดและเพิ่มค่าใช้จ่าย โดย การจัดกิจกรรม มหกรรมระดับโลก หรือกิจกรรมขนาดใหญ่ World Event /Mega Event เช่น การจัดงาน วิ่ง Trail/Ultra Trail, Amazing Thailand Marathon Series, Moto GP,Super GT, เป็นต้น การดึงงานประชุมองค์กรจากต่างประเทศมาจัดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการจัดงานขนาดใหญ่หรืองานที่มีผลกระทบสูง รวมถึงการกระจายพื้นที่จัดงานสู่ภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร