กรุงเทพฯ 11 ต.ค.- “ดาริน” อดีตภรรยา “ เสี่ยท็อป” หอบหลักฐาน ให้ตำรวจ ปอท. ตรวจสอบ ภาพทรัพย์สิน ของอดีตสามีที่โพสต์ลงสื่อออนไลน์ ว่าสามารถดำเนินคดีกับเสี่ยท็อปได้หรือไม่ ด้านตำรวจ ขอเวลาตรวจสอบ 1 สัปดาห์
เวลา 12.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พานางสาวดาริน พริ้ตตี้สาว อดีตภรรยา นายธนณัฏฐ์ สิริปิยพร หรือ เสี่ยท็อป ที่ตกเป็นข่าวถูกทิ้งให้ต้องใช้หนี้สิ้น กว่า 3.5 ล้านบาท จากการจัดงานแต่งงาน ในจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าพบพ.ต.อ. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อนำหลักฐานภาพถ่ายทรัพย์สิน เช่น รถหรู เงิน เครื่องบิน บัญชีความเคลื่อนไหวทางการเงิน วุฒิการศึกษา บ้านหรู ที่เสี่ยท็อป เคยโพสต์ทางสื่อออนไลน์ รวมถึงที่มีการส่งให้กับนางสาวดาริน ดูโดยอ้างว่ามีทรัพย์สินดังกล่าว โดยอยากให้ตรวจสอบว่า มีจริงหรือไม่ หากเข้าเงื่อนไขความผิดใด ที่สามารถดำเนินการทางคดีได้ก็จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ส่วนสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้ เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม เพราะว่าได้ปรึกษากับทนายความและพนักงานสอบสวนกองปราบแล้วว่า ยังไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง และไม่เข้าเงื่อนไขการรับคดีของกองปราบปราม ที่ต้องมีมูลค่าความเสียหาย 5 ล้านขึ้นไป และคดีต้องมีความซับซ้อน
นายอัจฉริยะ ระบุว่าตั้งแต่ปี 2559 เสี่ยท็อปเคยมีพฤติกรรมลักษณะนี้กับผู้เสียหายรายหนึ่ง ในจังวัดราชบุรี ซึ่งมีความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายอับอาย จึงไม่แจ้งดำเนินคดี และจากการตรวจสอบประวัติเสี่ยท็อป ไม่พบว่าประกอบอาชีพหรือทำธุรกิจตามที่อ้าง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายทุกคน มีการพยายามให้กลายเป็นความผิดทางคดีแพ่ง ไม่เข้าเงื่อนไขคดีอาญา จึงเชื่อว่าเสี่ยท็อป มีที่ปรึกษาทางกฏหมาย ส่วนตัวเองพร้อมเจอหน้าหากเดินทางกลับถึงไทย เนื่องจากมีคำถามที่อยากสอบถามหลายประเด็น ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ระบุว่าข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ต้องมีผู้เสียหาย เข้ามาดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ถึงจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนการตรวจสอบคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบครบทุกมิติ ทั้งภาพจริงภาพเท็จ และมีผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเสียหายบ้าง จากนั้นก็จะประสานผู้เสียหาย ว่าสามารถดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้หรือไม่
ขณะที่นางสาวดาริน พริ้ตตี้สาว ยังได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ครั้งแรกว่า คบหาดูใจกับเสี่ยท็อป ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา และที่ตัดสินใจแต่งงานด้วยเพราะเห็นว่าเสี่ยท็อป ดูแลเอาใจใส่ครอบครัวตนเองเป็นอย่างดี แต่หลังแต่งงานเริ่มรู้สึกสงสัยหลายประเด็น ทั้งบ่ายเบี่ยงการจ่ายเงินค่าจัดงานแต่ง ต่างๆ โดยอ้างว่าต้องรอเงินจากการทำธุรกิจที่ฮ่องกง จนสุดท้ายไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้จนมีการทะเลาะกัน และนำไปสู่การหย่าซึ่งเสี่ยท็อปได้เซ็นสลักหลังใบหย่าว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบหนี้สินทั้งหมด ที่เกิดขึ้นจากการแต่งงานทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยได้ไปต่างประเทศกับเสี่ยท็อปหรือไม่ นางสาวดาริน ยอมรับว่า ก่อนแต่งงาน เคยไปที่ฮ่องกง 1 ครั้งในเวลาเพียง 1 วัน เพราะเสี่ยท็อปอ้างว่า ไม่สามารถเบิกเงินข้ามประเทศได้ จึงต้องเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินที่ ธนาคารในฮ่องกง ซึ่งการเดินทางไปด้วยเครื่องบินสายการบินหนึ่ง ชั้นประหยัด พักโรงแรมทั่วไป และเดินทางในฮ่องกงด้วยรถแท็กซี่ ทั้งขาไปและขากลับ ส่วนการเดินทางของเสี่ยท็อปก่อนหน้านี้ ที่เคยเดินทางไปหาตนเองที่บ้านเกิด ก็ใช้เพียงรถเช่า ไม่ได้ใช้รถหรู ตามภาพที่เคยส่งให้ดู และเมื่อถามถึงรถหรูต่างๆ เสี่ยท็อปก็จะบอกว่า เคยมีแต่ขายไปให้ผู้อื่นไปแล้ว เนื่องจากเคยทำงานให้รัฐบาล และถูกตรวจสอบบัญชี จนทำให้ต้องเคลียร์ ทรัพย์สินทั้งหมดในไทยออกก่อน ไปลี้ภัยที่ฮ่องกงมาระยะหนึ่ง จนกระทั่งเรื่องเงียบ ก็อยากกลับมาอยู่ประเทศไทย และอยากสร้างความครัว ส่วนประวัติการเคยมีครอบครัวของเสี่ยท็อป รู้เพียงว่าเสี่ยท็อ ปเคยแต่งงานมากับหญิงสาวมาแล้ว 4 คน ส่วนสาเหตุที่ทำให้ต้องเลิกเสี่ยท็อป เพราะว่าไปด้วยกันไม่ได้ และประเด็นสุดท้ายที่เสี่ยท็อปออกมาให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการโทรทัศน์ ว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับตนเองอีกแล้ว ก็ยอมรับว่า ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วเช่นกัน เพราะคำพูดของเสี่ยท็อปหาความจริงไม่ได้เลยสักครั้ง -สำนักข่าวไทย