ศาลฎีกายืนจำคุก “สุรพงษ์” 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา เพิ่มปรับ 1แสนบาท

ศาลฎีกา 10 ต.ค.- ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิพากษายืนจำคุก 2 ปี  “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” กรณีออกหนังสือเดินทางให้ “ทักษิณ” แต่ให้รอลงอาญา เนื่องจากมีความประพฤติดี ประกอบกับมีโรครุมเร้า  และเพิ่มโทษปรับ 100,000 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00 น. วันนี้ (10 ต.ค.) องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 จากการเร่งรัดออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร โดยมิชอบแบบวันเดียวเสร็จ  ทั้งที่นายทักษิณถูกออกหมายจับในหลายคดี 

ทั้งนี้ ศาลใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาคดีเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนมีคำพิพากษายืนจำคุก  2 ปี เนื่องจากเห็นว่าเหมาะสม และเห็นว่าคำอุทธรณ์ที่จำเลยยื่นมาทั้ง 6 ข้อ ฟังไม่ขึ้น อาทิ กระบวนการตรากฎหมาย ป.ป.ช. วิธีแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 66 ให้อำนาจ ป.ป.ช.ในการไต่สวนคดีมิชอบ / นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้อง ไม่ใช่ผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง และจำเลยอ้างว่าไม่รู้กฎหมายและดำเนินการไปตามความคิดเห็นของข้าราชการประจำที่ลงมติและประชุมมา   


อย่างไรก็ตาม การที่จำเลยไม่เคยจำคุกมาก่อน ประกอบกับอายุ  ความประพฤติ สภาพความผิด  และหลังต้องโทษจำคุก จำเลยเกิดล้มป่วย มีทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน ไขมัน และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่ลุกลามไปที่ลำคอและช่องท้อง ต้องรับการรักษาตัวอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาล อันเป็นพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลย โดยรอการลงโทษจำคุก และให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง  

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับ 100,000 บาทอีกสถานหนึ่ง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 52  หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และมาตรา 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้  นายสุรพงษ์ ได้เดินทางมาพร้อมกับญาติ คนใกล้ชิด และทนายความ พร้อมฟังคำพิพากษา  ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ก่อนถึงกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์เวลา 11.00 น. โดยนายสุรพงษ์สวมเสื้อผ้าชุดขาวนั่งรถเข็น สวมหน้ากากอนามัย แว่นตาดำ และสวมหมวกแก๊ปด้วย เนื่องจากมีอาการป่วยหนัก ซึ่งในการฟังคำพิพากษา ศาลก็ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่พยาบาลไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมกรณีมีเหตุฉุกเฉินด้วย      . – สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว