หนุ่มหัวร้อนเตะผู้หญิงกระเด็นตกจักรยานยนต์

ภูเก็ต 9 ต.ค. – ที่ จ.ภูเก็ต กล้องวงจรปิดจับภาพหนุ่มคนหนึ่งกระโดดเตะผู้หญิงขณะขี่รถจักรยานยนต์ ทำให้หญิงคนดังกล่าวและลูกกระเด็นตกจากรถ ฝ่ายชายยังคว้าเก้าอี้พลาสติกตีซ้ำ


นี่เป็นคลิปผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ตังตัง ไกรปราบ”‎ โพสต์ในกลุ่ม “เหตุด่วนเหตุร้าย ร่วมด้วยช่วยกันภูเก็ต” เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบผู้เสียหายรายนี้ อายุ 29 ปี ซึ่งได้เล่าเหตุการณ์และโชว์บาดแผลให้ดู โดยเล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเองและลูกขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังคู่กรณี แต่ช่วงหนึ่งฝ่ายชายหันไปดูฝั่งตลาด ทำให้รถเกือบชนกัน ตนเองเบรกด้วยความตกใจ และร้องออกมาเสียงดัง จากนั้นฝ่ายชายหันมาพูดว่า “เขาดูของอยู่” ตนเองก็ถามว่า ขับรถยังไง แต่กลับถูกด่าถึงบุพการี จึงมีการปะทะคารมกัน และคู่กรณีทำท่าจะเตะ แต่มีญาติอยู่แถวนั้นออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้แยกย้ายกันไป 


จากนั้นมาเจอกันอีกครั้งที่จุดเกิดเหตุ ฝ่ายชายคงคิดว่าตนเองตามมาเอาเรื่อง จึงมีการพูดท้าทายกัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะกระโดดเตะ แล้วหยิบเก้าอี้มาฟาด และยังจะวิ่งไปหยิบเหล็กยาวจะมาตีซ้ำ อย่างที่เห็นในภาพวงจรปิด 


ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความ และต่อมาตำรวจเชิญตัวผู้ชายในคลิปมาสอบสวน คือ นายเอกชัย อายุ 35 ปี ซึ่งได้เปิดเผยกับสำนักข่าวไทย เล่าในมุมของตัวเองว่า ก่อนหน้าปรากคลิปดังกล่าว ตนเองพยายามขี่รถหนีการต่อว่าของฝ่ายหญิงที่ตะโกนด่าว่าขับรถช้า เพราะเห็นว่ามีเด็กนั่งมาด้วย ไม่อยากมีเรื่อง แต่ฝ่ายหญิงยังขี่รถตามมาตลอด และขับปาดหน้า ทำให้รู้สึกโกรธ และเกิดเหตุตามคลิป 

นายเอกชัย ยังขอความเห็นใจจากสังคม เพราะคลิปที่ปรากฏไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถูกตัดตอนนำมาเผยแพร่บางส่วนเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงที่ฝ่ายหญิงพยายามต่อว่า และถือท่อนเหล็กจะทำร้ายตนเองด้วย อีกทั้งญาติของฝ่ายหญิงจะกระโดดเตะ ตนเองก็ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด และเตรียมเข้าแจ้งความกลับทางฝ่ายหญิงเช่นกัน

ด้าน พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยว่า ได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาพบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน โดยฝ่ายผู้เสียหายต้องการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งความ เพราะรอผลตรวจบาดแผลเพิ่มเติมจากแพทย์ เบื้องต้นจากการสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่าย สรุปได้ว่า มีปากเสียงกันก่อนจะเกิดเหตุการณ์ตามคลิปที่มีการเผยแพร่ออกมา

พ.ต.อ.สมพงษ์ ยังยอมรับด้วยว่า ขณะที่ทั้งคู่ได้พบกันบนสถานีตำรวจ ญาติของฝ่ายหญิงได้กระโดดเตะฝ่ายชาย แต่ครั้งนี้ฝ่ายชายไม่ได้ตอบโต้ พร้อมวอนขอให้สังคมชมและวิจารณ์คลิปอย่างมีสติ เนื่องจากเหตุการณ์มีที่มาที่ไปมากกว่าคลิปที่มีการโพสต์และแชร์ต่อๆ กัน รวมถึงอยากให้เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย หากยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ก็ไม่สามารถควบคุมตัวชายในคลิปไว้ได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง