“ศักดิ์สยาม” จี้เคลียร์ปมโฮปเวลล์จบสัปดาห์นี้

กรุงเทพฯ 9 ต.ค. – คมนาคมเร่งเคลียร์ปมโฮปเวลล์จบสัปดาห์นี้ จ่อเสนอ ครม.ไฟเขียวหาแหล่งเงินจ่ายค่าเสียหาย 2.5 หมื่นล้าน 15 ต.ค.นี้ เร่งเจรจาเอกชนหาแนวทางจ่ายเป็นงวด-ลดดอกเบี้ย พ่วงเสนอ “อนุทิน” ลุยฟ้องใหม่ ด้านไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ขีดเส้นลงนาม 12.00 น. วันที่ 25 ต.ค.นี้


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีโฮปเวลล์ว่า คาดว่าจะสรุปแนวทางการชำระค่าเสียหาย  25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 12,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย 13,000 ล้านบาทภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ก่อนที่จะครบกำหนดวันที่ 19 ตุลาคมนี้ เบื้องต้นการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายเงินผ่านการกู้เงิน แต่เบื้องต้นได้มีการรายงานพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ทราบเรื่องแล้ว

สำหรับการชำระค่าเสียหายบริษัท โฮปเวลล์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาแหล่งเงินทุน ส่วนรูปแบบการชำระเงินจะขอเจรจากับเอกชน เพื่อผ่อนจ่ายเป็นงวด รวมถึงขอลดค่าดอกเบี้ย ขณะเดียวกันจะต้องเสนอ ครม. ขอแก้และทบทวนมติ ครม.เดิม ที่ให้อำนาจผู้ดำเนินการเรื่องค่าชดเชยค่าทางด่วน ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเก่า เนื่องจากปัจจุบันเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว เพื่อเปลี่ยนเป็นมอบอำนาจให้กระทรวงคมนาคมดูแลเรื่องนี้ 


ส่วนการยื่นฟ้องศาลนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เป็นคนละคดีกับเรื่องชดเชยเอกชน ซึ่งต้องทำคู่กันไป โดยมั่นใจว่าจะชนะการฟ้องร้องครั้งนี้ และมีหลักฐานเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรมัดตัวผู้กระทำผิดและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง แต่การยื่นฟ้องจะส่งมอบให้หน่วยงานอื่นดำเนินการแทนตามเงื่อนไขของกฎหมาย ซึ่งตอนนี้คาดว่าหน่วยงานที่รับดำเนินการจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยเรื่องดังกล่าวจะต้องรายงานให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาด้วย

นายศักดิ์สยาม กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 220,000 ล้านบาท ว่า มั่นใจว่ากิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือกลุ่ม CPH จะมาลงนามสัญญาตามที่นัดหมายวันที่ 25 ตุลาคม 2562 เวลา 12.00 น. ซึ่งถือเป็นเดดไลน์วันสุดท้ายและจะไม่มีการขยายเวลาเพิ่มอีก โดยวันที่ 10 ตุลาคม 2562 จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานจะประชุมนัดแรก พร้อมทั้งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายสาธารณูปโภคมาร่วมหารือว่าจะดำเนินการอย่างไร ตามกรอบข้อเสนอการร่วมลงทุน (Request For Proposal ) หรือ RFP รวมถึงหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและกฎหมายไทยอื่นที่เกี่ยวข้อง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง