ผู้พิพากษายะลาปลอดภัยแล้ว พบม้ามฉีกแต่ไม่ต้องผ่าตัด

ยะลา 6 ต.ค.-ผอ.โรงพยาบาลยะลาแถลงอาการผู้พิพากษายะลาปลอดภัยแล้ว พบใช้อาวุธปืนยิงทะลุร่างกายด้านซ้าย ม้ามฉีก แต่ไม่ต้องผ่าตัด ขณะที่เลขาธิการศาลยุติธรรม เยี่ยมอาการ เตรียมรวบรวมข้อเท็จจริงรายงานต่อที่ประชุม กต. พรุ่งนี้


รอยกระสุนปืนที่ทรวงอกด้านซ้ายด้านล่าง ทะลุออกด้านหลังซ้าย เป็นอาการของนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลจังหวัดยะลา และยังมีสัญญาณชีพปกติ หลังก่อเหตุยิงตัวเองบาดเจ็บสาหัส 


นายแพทย์บรรยง เหล่าเจริญสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะลา ระบุว่าจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์พบว่าบริเวณม้ามมีรอยฉีกขาด ทำให้มีเลือดออกบริเวณช่องท้อง แต่ไม่มาก แพทย์ที่ดูแลอาการวินิจฉัยว่ายังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จึงให้รักษาตามอาการและให้ยาช่วยหยุดเลือดของม้าม หลังเฝ้าดูอาการ 1 วัน พบว่าสัญญาณชีพปกติ จึงยังไม่จำเป็นต้องตัดม้าม ย้ายผู้ป่วยออกจากไอซียูแล้วและยังเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด วันนี้เอกซเรย์ซ้ำอีกครั้ง ไม่พบอาการผิดปกติที่ช่องปอด แต่ต้องดูอาการอีกระยะ ตัวคนไข้อารมณ์แจ่มใส ภาพรวมปลอดภัยแล้ว แต่ต้องการให้พักผ่อนจึงสั่งงดเยี่ยม คาดต้องพักรักษาตัวไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ ส่วนกระสุนเป็นกระสุนจริง คาดเป็นขนาด 9 มม. บาดแผลมีรูเข้าและออก ไม่มีเศษกระสุนภายใน โดยหลักการแพทย์ถือว่าอาการสาหัส


วันนี้เลขาธิการศาลยุติธรรม เดินทางเข้าเยี่ยมอาการให้กำลังใจที่โรงพยาบาลยะลา พร้อมระบุยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เข้าใจดีว่ายังไม่พร้อม ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หาสาเหตุและหาแนวทางแก้ไขต่อไป โดยจะรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม วันพรุ่งนี้ พร้อมยืนยันว่าศาลยุติธรรมทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและเป็นอิสระ การปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาไม่เฉพาะที่ยะลา แต่ทุกศาลทั่วประเทศ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและธรรมนูญศาลยุติธรรม หากผู้พิพากษามีความเห็นแตกต่าง สามารถทำความเห็นแย้งได้ ซึ่งจะต้องทำเป็นหนังสือ อย่างไรก็ตามคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่าครึ่งที่ศาลพิพากษายกฟ้อง

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เตรียมเสนอคดีนายคณากร เข้าคณะกรรมาธิการฯ ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ เพื่อขอมติว่าจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องของข้อกฎหมายว่ามีปัญหาที่ทำให้เกิดการแทรกแซงและไม่ยุติธรรมตามที่มีการเปิดเผยข้อมูลจริงหรือไม่ จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม เพื่อห้ามการตรวจร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟัง ทั้งห้ามกระทำการใดๆ อันมีผลเป็นการแทรกแซงผลคำพิพากษาตามข้อเรียกร้องของนายคณากรหรือไม่ พร้อมแนะสังคมถอดบทเรียนเรื่องดังกล่าวเพื่อวางแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน ไม่ควรโยงการเมือง.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เลขาศาลยุติธรรม เยี่ยมอาการผู้พิพากษายะลา

• “สิระ” เตรียมเสนอคดี “คณากร” เข้า กมธ.ยุติธรรม

• คดียิง 5 ศพบันนังสตา มูลเหตุผู้พิพากษาศาลยะลายิงตัวเอง

• BIG STORY : เตรียมเสนอ ก.ต. พิจารณากรณีผู้พิพากษายิงตัวเอง 7 ต.ค.นี้

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ