กรุงเทพฯ 3 ต.ค. – บล.เอเซียพลัส ชี้เม็ดเงินลงทุนหาย 33,000 ล้านบาท หากไม่ต่ออายุ LTF
นายภราดร เตียรณประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า หากปี 2563 ไม่ต่ออายุสิทธิลดหย่อนภาษีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF ) คาดว่าเม็ดเงินซื้อลงทุน LTF จะลดลงร้อยละ 50 เหลือ 33,000 ล้านบาท จากเฉลี่ยแต่ละปีมีเม็ดเงินลงทุน LTF ประมาณ 66,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2563-2564 ไม่มี LTF ที่ครบกำหนดขายได้ เนื่องจากมีการแก้เกณฑ์การถือครองจาก 5 ปี เป็น 7 ปี ทำให้นักลงทุนที่เริ่มซื้อปี 2559 จะครบกำหนดขายเลื่อนไปอยู่ในปี 2565 แทน การขายจึงไม่น่าจะซ้ำเติมภาวะตลาดมากนัก
“ที่ต้องจับตาดูและอาจเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้น หากไม่ต่อสิทธิ์ลดหย่อนภาษีจริง ๆ อาจต้องระวังเม็ดเงินที่ลงทุนใน LTF ที่ยังไม่ขาย แม้จะครบกำหนดขายได้แต่ยังไม่ขาย ซึ่งมีอยู่ 180,000 ล้านบาท อาจขายออกเมื่อไม่การต่อสิทธิลดหย่อนทางภาษีก็ได้” นายภราดร กล่าว
นายภราดร กล่าวว่า ต้องติดตามว่าจะมีการออกกองทุนหุ้นยั่งยืน หรือกองทุน SEF (Sustainable Equity Fund) เพื่อมาทดแทน LTF หรือไม่ เพราะหากไม่มี LTF และ SEF จะส่งผลให้เม็ดเงินที่เคยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นลดลง โดยเม็ดเงินที่ลดลง 10,000 ล้านบาท จะกระทบดัชนีตลาดหุ้น ณ ขนาดนั้นลดลงร้อยละ 2 ดังนั้น หากเม็ดเงิน 33,000 ล้านบาทต่อปีหายไป จะกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นลดลงร้อยละ 6 หรือประมาณ 30 จุด
อย่างไรก็ตาม หากนโยบายการลงทุนปรับ LTF มาเป็น SEF ที่กำหนดเกณฑ์เพื่อรับสิทธิทางภาษีใหม่จะมี 20 หุ้น ได้ผลบวกจากที่มีโอกาสถูกกองทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนมากที่สุด คือ AOT , PTT, ADVANC, SCC, DIF, PTTEP ,TRUE , CPF, EA, SCB ,PTTGC, CPN, HMPRO, RATCH , DTAC , BEM, TOP, BTSGIF,JASIF, DELTA
สำหรับกองทุนหุ้นยั่งยืน หรือกองทุน SEF (Sustainable Equity Fund) คัดเลือกจากบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของบริษัทในการตัดสินใจลงทุนควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัท .-สำนักข่าวไทย