รร.เดอะบาซ่า รัชดา 30 ก.ย.-สทท.แถลงสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยและดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 3 ของปีนี้ พบค่าเงินแข็ง สงครามการค้าสหรัฐ-จีน , ประท้วงฮ่องกง ส่งผลท่องเที่ยวชะลอตัว
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แถลงข่าวสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 3/2562 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.),คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สทท. เพื่อคาดการณ์ถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน พบว่ายังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะวิกฤต
จากปัจจัยลบต่างๆที่ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และ ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ , การเดินขบวนประท้วงในฮ่องกง ซึ่งส่งผลต่อความกังวลในเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกจากการที่ดอกเบี้ยทั่วโลก มีแนวโน้มปรับลดอย่างรวดเร็ว อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น
โดยเฉพาะความกังวลต่อสงครามการค้า ส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวนสูงและไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนเนื่องจากเสถียรภาพต่างประเทศแข็งแกร่ง จึงทำให้อัตราเงินบาทแข็งค่าขึ้น เศรษฐกิจไทยชะลอลง จากมูลค่าส่งออกสินค้าที่หดตัวสูง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ส่งผลเศรษฐกิจจีนชะลอลงและมีนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยลดลงจากปีก่อน ผลการสำรวจชี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 91 และคาดการณ์ไตรมาส 4 ที่ระดับ 94 สะท้อนความกังวลของผู้ประกอบการต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ชะลอตัวให้มีสัดส่วนของผูป้ระกอบการที่พิจารณาปรับลดแผนการลงทุนเพิ่มและมีการพิจารณาปรับลดการจ้างงาน
ทั้งนี้ เสนอให้ภาครัฐร่วมมือกับ สทท.ในการส่งเสริมขีดความสามารถของผู้ประกอบการในการแข่งขันธุรกิจในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลและการตลาด เงินทุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมาตรการสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมธุรกิจ Platform การเรียกรถโดยสารสาธารณะให้ถูกกฎหมายครอบคลุมในทุกพื้นที่โดยมีการกำกับดูแลการบริการและราคาให้มีมาตรฐาน ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการส่งเสริม Platform การเรียกรถโดยสารสาธารณะให้ถูกกฏหมาย (Ride-Hailing) ประเมินว่าจะมีส่วนช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม และจะได้ประโยชน์ในเมืองหลักหรือแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เนื่องจากเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในทุกกลุ่ม ขณะที่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวผู้ประกอบการบางส่วนมีแผนจะเพิ่มราคาสินค้าและบริการ ธุรกิจส่วนใหญ่ระบุว่าได้รับผลดีจากมาตรการขยายระยะเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าไปจนถึงเมษายน 2563
ส่วนคาดการณ์ในไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.41 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.21 จากปี 2561 และในปี 2562 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 39.73 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.06 จากปี 2561 และมีรายได้จากนักท่องเที่ยว 1.95 ล้านล้านบาท .-สำนักข่าวไทย