ดีเอสไอ ย้ำคดี ”บิลลี่” คืบ แต่ยังไม่มีการออกหมายเรียกผู้ใด

ดีเอสไอ 26 ก.ย.- ดีเอสไอ ชี้คดีฆาตกรรมบิลลี่ คืบหน้าเกินร้อยละ 70 แล้ว ย้ำยังไม่มีการพิจารณาออกหมายเรียกผู้ใด รอผลตรวจชิ้นกระดูก คาด 2 สัปดาห์รู้ผล 


ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าในการสอบสวนดำเนินคดีการฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกลุ่มกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ว่า ขณะนี้ทางดีเอสไอและทีมงานทั้ง5ชุดเร่งรัดในการทำคดี เพราะเป็นคดีที่มีความซับซ้อนต้องใช้ความละเอียดรอบคอบรัดกุมในการทำงาน ซึ่งการสอบสวนมีความคืบหน้าเกินร้อยละ 70 โดยยังมีประเด็นสำคัญที่ยังสอบสวนและรวบรวมหลักฐานอยู่ คาดว่าจะสรุปสำนวนได้ทันตามที่กำหนด คือ 3 ธ.ค.2562  ซึ่งชุดปฏิบัติการ ชุดสืบสวนดีเอสไอ พยายามทำงานลงในรายละเอียดให้ครบทุกด้านมากที่สุด เพราะพยานหลักฐานต่างๆกว่าจะได้มาด้วยความยากลำบาก ซึ่งหลักฐานทั้ง รถจักรยานยนต์และกล้องถ่ายรูปของนายบิลลี่ที่สูญหายไปยังอยู่ระหว่างการติดตาม แต่ก็มีผู้แจ้งข้อมูลเข้ามาที่ดีเอสไอ ช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น 

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่มีการพิจารณาออกหมายเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องอยู่ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอยังรอผลตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกและวัตถุพยานจากทางนิติวิทยาศาสตร์  ซึ่งการตรวจดีเอ็นเอกระดูกไม่เหมือนการตรวจชิ้นเนื้อเยื่อ ทางนิติวิทยาศาสตร์แจ้งว่าจะทราบผลตรวจดีเอ็นเอกระดูกภายใน 2 สัปดาห์ โดยเป็นกระดูกมนุษย์ 8 ชิ้นจากที่พบทั้งหมด 20 ชิ้น ส่วนอีก 12 ชิ้นที่เหลือเป็นชิ้นที่เล็กเกินไป ส่วนถามว่ามีพยานใหม่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ยังไม่ขอตอบ แต่ยอมรับว่าพยานหลักฐานทุกชิ้น ล้วนเป็นประโยชน์กับรูปคดี มีรายละเอียดเพิ่มเติมคืบหน้ามากขึ้น ทางดีเอสไอเร่งทำคดีนี้เต็มที่และรัดกุมมากที่สุด.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย