กทม.24ก.ย.- ตำรวจเผย”ลัลลาเบล”เสียชีวิตห้วงเวลา 15.00-19.00 น.ล่าสุดขอศาลออกหมายจับแล้ว 1 ราย
พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 พร้อม พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 เปิดเผยหลังประชุมติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของนางสาวธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 25 ปี หรือ“ลันลาเบล” พริตตี้สาวสวยที่ถูกพบเสียชีวิตบนโซฟาในล็อบบี้คอนโดมิเนียม ย่านตลาดพลู เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา มี พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวน
พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวน มีพลตำรวจตรีนิตินันท์ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบคดี ขณะนี้ได้ผลชันสูตรเวลาการเสียชีวิตของลันลาเบล จากแพทย์แล้ว ระบุเวลาระหว่าง 15.00-19.00 น. ดังนั้นพนักงานสอบสวนต้องนำช่วงเวลาดังกล่าวกลับมาทบทวนเพิ่มเติมเพื่อหาความชัดเจนถึงเวลาการเสียชีวิตของผู้ตายให้แน่ชัด เนื่องจากเกี่ยวข้องกับปัญหาอำนาจการสอบสวนและสถานที่เกิดเหตุเสียชีวิตที่เกี่ยวกับหลายพื้นที่ เช่นเวลา 15.00-17.00 น. ผู้ตายอยู่ที่บ้านจัดปาร์ตี้ ย่านบางบัวทอง, เวลา 17.00-18.00 น. อยู่ระหว่างเดินทาง และเวลา 18.00-19.00 น. อยู่ที่คอนโดย่าน ตลาดพลู ยอมรับว่าตอนนี้เริ่มมีเค้าข้อมูลเรื่องเวลาการเสียชีวิตบ้างแล้วแต่ขอสอบปากคำพยานอีก 2-3 ปาก เพื่อสนับสนุนเวลาเสียชีวิตให้ชัดเจนมากที่สุด ก่อนจะเสนอศาลออกหมายจับได้ ซึ่งจะเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ส่วนผลการตรวจสอบข้อมูลนาฬิกา smart watch ของผู้ตาย ยังไม่ได้รับผลอย่างเป็นทางการจาก บก.ปอท.จึงไม่สามารถระบุเวลาและข้อมูลในนาฬิกาดังกล่าวได้ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ถือเป็นเพียงพยานแวดล้อม เท่านั้น โดยยังไม่ได้รับการยืนยันจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญว่ามีความแม่นยำที่จะใช้ทางการแพทย์ ส่วนผลการตรวจปัสสาวะนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น ยืนยันได้ในเบื้องต้นว่า ไม่พบสารเสพติด หรือสารเร่งกล้ามเนื้อ แต่ยังต้องรอผลอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าตรวจพบเคตามีนและสารกระตุ้นกล้ามเนื้อในปัสสาวะนายน้ำอุ่น ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ให้ข้อมูลนี้ ส่วนการสอบปากคำนายน้ำอุ่น วานนี้(23 ก.ย.) ที่บ้าน ยังคงยืนยันไม่ทราบว่าลัลลาเบลเสียชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.บุคคโล ได้ร่างคำร้องเสนอศาลอาญาธนบุรี อนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องแล้ว 1 ราย ในหลายข้อหา อาทิ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น, กระทำอนาจาร, ปิดบัง เคลื่อนย้าย อำพรางศพ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะอนุมัติหมายจับตามคำร้องขอ ของพนักงานสอบสวนหรือไม่.-สำนักข่าวไทย