ปส.แถลงผลงานในรอบปี62ยึดยาเสพติด-ยึดทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 6หมื่นล้านบาท

กรุงเทพฯ 24 ก.ย.- ตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปผลปราบปรามยาเสพติดตลอดปี 2562 ยึดยาบ้ากว่า 500 ล้านเม็ด และยาเสพติดอีกหลายประเภทพร้อมยึดทรัพย์ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60,571 ล้านบาท


พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2562 โดยภาพรวมผลการปฏิบัติ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึง 18 กันยายน 2562 มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคดียาเสพติดกว่า 350,807 คดี ยึดของกลางยาบ้ากว่า 512.164,453 ล้านเม็ด  ไอซ์ 14,888 กิโลกรัม  เฮโรอีน 822 กิโลกรัม  โคเคน 24 กิโลกรัม  เคตามีน 723 กิโลกรัม  กัญชาแห้ง 13,912 กิโลกรัม รวมมูลค่ายาเสพติด 57,510 ล้านบาท ยึดทรัพย์ 6,995 ราย มูลค่า 3,061 ล้านบาท  รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 60,571 ล้านบาท 

ซึ่งการจับกุมยาเสพติดได้จำนวนมาก เป็นการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจากนี้ ตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคง จะเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสกัดตามแนวชายแดน และการแพร่ระบาดในชุมชน


ขณะเดียวกัน ยังมีการแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 7 คดี จับผู้ต้องหาได้ 15 คน พร้อมยึดของกลาง ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 201 กิโลกรัม // ยาบ้ากว่า 60,100 เม็ด // โคคาอีน 4,300 กรัม กัญชา 500 กรัม // เคตามีน 100 กรัม // ยาอี 12 กิโลกรัม และเฮโรอีน 800 กรัม โดยมีคดีที่น่าสนใจ อาทิ คดีที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับผู้ต้องหา 3 คน พร้อมไอซ์ประมาณ 200 กิโลกรัม บริเวณสามแยกนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นการลักลอบลำเลียงมาจากชายแดนไทย – เมียนมา เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง // นอกจากนี้ ยังมีการจับชาวต่างชาติผิวสีอีก 3 คดี ซึ่งมีการลักลอบนำโคคาอีน เข้าประเทศทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยการกลืนลงท้อง

โดยคดีที่น่าสนใจเป็นคดีที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด  ร่วมกับ ศุลกากร /สำนักงาน ป.ป.ส. /เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และ ตำรวจท่องเที่ยวสามารถจับกุมชาวต่างชาติ 3 คน เป็นสัญชาติอิวัวเรียน  พร้อม โคคาอีนน้ำหนัก 1,600 กรัม /สัญชาติเคนยา โคคาอีน 1,400 กรัม  /และ สัญชาติเบนิน โคคาอีน 100 กรัม ได้ที่ท่าอากศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งทั้ง 3 คน แบ่งเป็น 3 คดี แต่มีพฤติการณ์ลักษณะเดียวกัน คือกลืนยาเสพติดเข้าร่างกาย โดยตำรวจจับกุมได้โดยการตรวจเอ็กซเรย์ร่างกายแล้วพบโคคาอีนจึงจับกุมได้

ส่วนอีกคดีตำรวจชุดสืบสวนสามารถจับผู้ต้องหานายอนันท์ ก้องประภากุล อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดตาก พร้อมพวกรวม 3 คน หลังลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดนไทย-พม่า เข้ามาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยลำเลียงผ่านจังหวัด เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ กระทั่งมาถูกจับกุมที่จ.พิษณุโลก พร้อมยาไอซ์ 200 กิโลกรัม


นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้จับ 3 ผู้ต้องหาพร้อมเอ็กซ์ตาซี่ หรือ ยาอี 24000 เม็ด ยาบ้า 100 เม็ด ไอซ์ 0.62 กรัม และ เอโรอีน อีก 800 กรัม หลังตำรวจตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ ระบุต้นทางมาจากประเทศเบลเยี่ยม ปลายทางจังหวัดกำแพงเพชร ภายในซุกซ่อนยาอี ของกลางที่บรรจุในถุงเมล็ดกาแฟคั่วที่ปะปนกับขนมและกาแฟสำเร็จรูปอื่นๆ  ตำรวจจึงขยายผลไปยังผู้รับตามชื่อบนกล่องพัสดุจนสามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ก่อนจะนำตัวไปค้นบ้านพักของผู้ต้องหา พบของกลางยาบ้า ไอซ์ และ เฮโรอีน  จำนวนดังกล่าว

ในส่วนการยึดทรัพย์ในคดียาเสพติด เป็นบ้าน 3 หลัง มูลค่า 8 ล้านบาท รถยนต์ 3 คัน มูลค่า 1 ล้าน 9 แสน /รถจักรยานยนต์ 4 คัน มูลค่า 2 แสนบาท รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 10 ล้านบาท

พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการปฎิบัติของตำรวจสามารถลดจำนวนผู้เสพ ผู้ค้า และทำให้ครอบครัวปลอดยาเสพติดเพิ่มขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร