ธปท.ชี้ผลประชามติสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

ธปท.  8 ส.ค. – นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย  (ธปท.) กล่าวว่า การที่ประชาชนส่วนใหญ่มีมติรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจระยะต่อไป เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหมดลง เพราะจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมพที่วางไว้และจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการลงทุน เพราะนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้ว่าผลที่แตกต่างกันระหว่างภูมิภาคสะท้อนถึงความขัดแย้งที่มีอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะเป็นสิ่งที่นักลงทุนทราบกันอยู่แล้ว


นอกจากนี้ ผลจากการรับประชามติยังส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนได้ชัดเจนจากการที่ดัชนีราคาหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 21 จุดในช่วงเช้าวันนี้ (8 ส.ค.) ขณะที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 35.01-35.03 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งเป็นการแข็งค่าระยะสั้นจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางค่าเงินบาท โดยเฉพาะการที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดังนั้น ขอให้เอกชนและนักลงทุนอย่าชะล่าใจ เพราะปัจจัยภายนอกยังมีความสำคัญมาก

ขณะที่ในงานเสวนา “โมเดลใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ” นายวิรไท กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยประสบกับความผันผวนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ  แม้ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้นและความผันผวนจะลดลงบ้าง แต่การฟื้นตัวไม่กระจายทุกภาคส่วน และยังมีความเปราะบาง ซึ่งการมุ่งเน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสั้น ๆ อาจทำให้ยังเผชิญปัญหาที่หนักและใหญ่กว่าเดิม คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจไทยที่นับวันจะแสดงอาการออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ  จนส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดต่ำลงเหลือเพียงร้อยละ 3-4 ต่อปี จากเดิมขยายตัวสูงถึงร้อยละ 7-8 ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 จนกลายเป็นว่าอัตราการเติบโตต่ำ เป็นภาวะปกติใหม่ของเศรษฐกิจ ทำให้ไทยติดกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางและหลายประเทศมีรายได้ประชากรแซงหน้าประเทศไทย


ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการขาดการลงทุนเป็นเวลานาน ความล้าหลังด้านเทคโนโลยีการผลิต การขาดแรงงานทักษะ  ความขัดแย้งทางสังคม ทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยมีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่สามารถแก้ปัญหาระยะเวลาสั้น ๆ  ดังนั้น ต้องมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การสร้างความกินดีอยู่ดีให้คนไทย ครอบคลุมถึงการกระจายรายได้และมีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน มากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ธปท. จึงร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ จัดสร้างโมเดลใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยทำการวิจัยเป็นระยะเวลา 3 ปี  แนะนำการแก้ปัญหาใน 3 มิติ คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการปฏิรูปเศรษฐกิจระยะยาวอย่างยั่งยืน

ด้านนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยไม่สามารถแก้ได้ด้วยการเมืองเพียงอย่างเดียว แม้ว่าประชาชนจะลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญไปแล้วเมื่อวานนี้  เพราะเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นการรวมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ใช่การกระจายอำนาจการเมืองสู่ท้องถิ่น  หลักการสำคัญของการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ คือ การกระจายอำนาจทางการเมืองสู่ท้องถิ่นให้มีการเลือกตั้งทุกระดับ เพื่อให้มีผู้นำชุมชนแก้ไขปัญหาในท้องถิ่นเอง แต่ยอมรับว่าการที่ประชาชนรับร่างรัธรรมนูญจะทำให้มีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งปีหน้า แต่จะมีผลเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการขับเคลื่อนการลงทุนของภาครัฐ.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย

“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก จะทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์

พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย.-“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณเสียงชื่นชม-ความคาดหวัง เป็นกำลังใจทำงาน รับทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่จะเลือกทำสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุด นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้วว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน “ดิฉันในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ” นางศุภจี กล่าว เมื่อถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ นางศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกฯ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า […]

ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์

กัมพูชา 10 ก.ย.- ไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ผลประชุม GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงจัดการพื้นที่พิพาท รมช.กลาโหม ย้ำสองประเทศต้องอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ที่มาเลเซียที่ผ่านมา เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร พร้อมย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม หลังการหยุดยิงดำเนินมากว่า 1 เดือน ว่ามีความสงบมากขึ้น แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่ต้องแก้ไข เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเต็มร้อย โดยผลการประชุมสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 […]