กทม. 19 ก.ย.-เจาะลึกข้อมูลจากแพทย์ พบการดื่มสุราแม้ไม่หนักมาก อาจถึงแก่ชีวิต เพราะอาจหายใจติดขัด หรือแม้กระทั่งหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ สหภูมิ ศรีสุมะ จากคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ “คับข่าวครบประเด็น” เกี่ยวกับการถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ของการเสียชีวิตเพราะดื่มแอลกอฮอลล์ในปริมาณที่มาก โดยกลุ่มที่ดื่มปริมาณมากจะส่งผลกระทบ 3 ประเด็นทั้งระยะฉับพลันและระยะยาว
ระยะฉับพลัน ทำให้หมดสติ หลับลึก มีปัญหาระบบทางเดินหายใจตก ทั้งทางเดินหายใจตีบ-แคบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิต เพราะผู้ที่เมาหนักจะไม่สามารถตื่นมาหายใจเองได้ในภาวะที่การหายใจติดขัด นอกจากนี้การดื่มหนักจะกระตุ้นหัวใจให้ทำงานหนัก อาจเต้นผิดจังหวะ หากรุนแรงมากอาจเสียชีวิต ส่วนในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการติดแอลกอฮอลล์จะส่งผลทำให้ตับแข็ง ทำลายหัวใจ และเป็นพิษต่อร่างกาย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สหภูมิฯ ระบุว่า อัตราการตอบสนองต่อแอลกอฮอลล์ของแต่ละคนไม่เท่ากันที่จะทำให้เกิดอาการมึนเมา แต่ตามหลักการแล้วส่วนใหญ่หากมีแอลกอฮอลล์ในเลือดมากกว่า 50 – 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะทำให้มีอาการมึนงง หากเกิน 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะทำให้การควบคุมตัวเองแย่ลง และหากทะลุ 200 – 250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะมีปัญหาเรื่องการรับรู้ของสติสัมปะชัญญะ และเสี่ยงถึงแก่ชีวิต หากระบบทางเดินหายใจตก
นอกจากนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สหภูมิฯ ระบุว่า หากมีผู้ไม่หวังดีนำยาเสียสาวชนิดต่างๆ ผสมแอลกอฮอลล์ให้กินจะยิ่งทำให้ผู้ที่ดื่มหลับหรือหมดสติเร็วกว่าปกติ
ส่วนยาเสียสาว มีข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รายงานว่ามีตัวยาหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นยานอนหลับหรือระงับประสาท ทั้ง ยามิดาโซแลม ออกฤทธิ์ต้านอาการซึมเศร้า, อัลปราโซแลม ออกฤทธิ์ระงับประสาท แก้โรคนอนไม่หลับ, ยาฟลูไนตราซีแปม ทำให้นอนหลับ รวมถึงสาร GBH หรือ (Gamma – Hydroxybutyrate) ซึ่งทำให้มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท รู้สึกตื่นตัว สนุก แต่ทางการแพทย์จะใช้วางยาสลบเพื่อผ่าตัด
สำหรับสาร “GBH” ถูกเอ่ยถึงในระยะนี้เนื่องจากเป็นสารที่ถูกกลุ่มไม่หวังดีกับสาวๆ หรือหนุ่มๆ เพื่อใช้มอมยา โดยมีโค้ดลับสำหรับกลุ่มมิจฉาชีพคือ “หยอดน้ำปลา” เพราะมีรสเค็มเล็กน้อย มีฤทธิ์ทำให้ระบบการทำงานของสมองและประสาทส่วนกลางทำงานช้าลง และยังทำให้เกิดอาการความจำเสื่อม มีทั้งชนิดเม็ดและผง ละลายเครื่องดื่ม และออกฤทธิ์ไม่เกิน 30 นาที นอกจากนี้ในต่างประเทศพบว่ามีการนำสารดังกล่าวมาใช้ทดแทน “ยาอี” เพราะมีฤทธิ์คล้ายกัน
อย่างไรก็ตาม “GHB” เป็นยาเสพติดที่ห้ามมีไว้ในครอบครอง ผู้เสพ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท – 100,000 บาท ผู้ผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท – 400,000 บาท.-สำนักข่าวไทย