ยโสธร 3 ส.ค.-หนุ่มใหญ่ รัวยิงเพื่อนบ้าน บาดเจ็บสาหัส ลั่นสุดทนพฤติกรรม ตั้งวงดื่มสุราเสียงดังรบกวนนานหลายเดือน
ตำรวจสภ.เมืองยโสธร ได้รับแจ้งเหตุชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าบ้านพัก อ.เมือง จ.ยโสธร จึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นถนนภายในบ้าน พบรอยเลือดบนถนน และพบรถกระบะ มีร่องรอยถูกยิงที่ประตูฝั่งคนขับจนเป็นรู และปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มิลลิเมตร ตกอยู่ 2 ปลอก ขณะที่นายนายณัฐพงษ์ อายุ 49 ปี ผู้บาดเจ็บ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณแผ่นหลัง 2 นัด ต้นขาขวาอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลยโสธรก่อนหน้า
ส่วนคนก่อเหตุ คือ นายวิริยะ อายุ 53 ปี เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่บ้านของลูกชาย ซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักของลูกชาย พร้อมอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุ
เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากผู้บาดเจ็บมักจะมาตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนบ้าน ที่มีบ้านพักอยู่ฝั่งตรงข้าม และมักจะส่งเสียงดังรบกวนอยู่เป็นประจำจนดึกดื่นแทบทุกวันและก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บได้พูดจาเสียดสี พร้อมกับร้องเพลงเยาะเย้ย ทำให้เก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่
จากการสอบถาม เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ ให้การว่าตนกับเพื่อนอีก 4 คน ตั้งวงสังสรรค์ดื่มสุรากันตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นายณัฐพงษ์ ผู้ถูกยิงได้ขับรถกระบะมาจอดไว้หน้าบ้านและได้ร่วมวงดื่มสุราด้วยจนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. นายณัฐพงษ์ ผู้ถูกยิงได้ขอตัวกลับบ้านและกำลังเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อขึ้นรถกระบะที่จอดเอาไว้ ระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายจุดประทัด 3 ครั้ง ก็ไม่ได้คิดอะไรจนมีเพื่อนมาบอกว่า นายณัฐพงษ์ ถูกยิงจึงได้พากันออกไปดูและเห็นคนยิงคือ นายวิริยะ ซึ่งมีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน จากนั้นก็ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามพวกตนก็มักจะตั้งวงสังสรรค์ดื่มสุรากันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรมากมาย โดยก่อนหน้านี้ นายวิริยะ ผู้ก่อเหตุได้เคยไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองยโสธร เรื่องที่ นายณัฐพงษ์ ผู้บาดเจ็บกับพวกมาบีบแตรรถ และผู้จาข่มขู่ นายวิริยะ ผู้ก่อเหตุที่บริเวณหน้าบ้านมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา แต่ตนก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือไม่ เพราะตนก็เป็นญาติกับภรรยาผู้ก่อเหตุ ส่วนเรื่องเสียงดังนั้นก็มีบ้างตามประสาวงสังสรรค์.-สำนักข่าวไทย