ฝ่ายค้านอภิปรายเรียกร้องนายกฯแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง

รัฐสภา 18 ก.ย.- “ไพบูลย์” ป้อง นายกฯ มองการอภิปรายของฝ่ายค้านไม่ใช่การตั้งคำถาม แต่เป็นการตรวจสอบการทำหน้าที่รัฐมนตรี  ด้าน ส.ส.ฝ่ายค้าน ประสานเสียงเรียกร้องนายกฯแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ กรณีการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้อภิปรายถึงการอภิปรายทั่วไปของฝ่ายค้าน ว่า เท่าที่ฟังมาไม่ใช่การตั้งคำถาม แต่เป็นการอภิปรายลักษณะตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี และคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่ใช่คำวินิจฉัยที่มีผลผูกพันโดยตรง แต่ก็มีสาระสำคัญที่ต้องรับฟัง โดยระบุว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขตพระราชอำนาจโดยเฉพาะ ไม่สามารถมีฝ่ายใดก้าวล่วงได้ เนื่องจากเป็นไปตามพระบรมราชวินิจฉัยแล้ว ที่ให้นายกรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน และพระราชทานพระราชดำรัส ซึ่งเป็นการไว้วางพระทัยแล้ว ดังนั้นญัตติการอภิปรายที่เกิดขึ้นนี้จึงถือเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ

นายไพบูลย์ ยังยกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ว่า ไม่มีองค์กรใดตามรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนี้ได้ จึงแสดงความเป็นห่วงฝ่ายค้านที่กำลังอภิปรายตรวจสอบ เข้าข่ายกระทำการโดยไม่มีอำนาจและอาจเป็นเหตุให้ถูกยื่นเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และถอดถอนจากตำแหน่งได้ แม้ว่าฝ่ายค้านจะพยายามยื่นเรื่องตรวจสอบไปที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. และเรื่องไปถึงศาลฎีกา แต่สุดท้ายเรื่องก็อาจจะกลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของตัวเอง ที่ระบุว่าไม่มีองค์กรใดตามรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องนี้ได้ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรก็เป็นหนึ่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ


นายไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเลิศเรื่องความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ แม้พรรคฝ่ายค้านเป็นส่วนสำคัญในการตรวจสอบการทำงาน แต่ที่ต้องท้วงติงเพราะอยากเห็นการอภิปรายวันนี้เป็นไปในแนวทางที่ควรจะเป็น ไม่มีการกระทำอะไรที่อาจจะสุ่มเสี่ยง

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี ให้กลับไปดำเนินการแก้ปัญหาของการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและการกำหนดแหล่งที่มารายได้ของนโยบายให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำได้ด้วยการปรับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เพื่อนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนอีกครั้งให้ถูกต้อง เพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรือลาออกเพื่อให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แล้วเข้าสู่กระบวนการถวายสัตย์ใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะเลือกสิ่งที่ถูกที่สุดสำหรับประชาชน หากยังปล่อยให้เป็นไปในลักษณะนี้ นายกรัฐมนตรีจะไม่ได้รับการยอมรับนับถือ

ขณะที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายยกความเห็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ ว่า อย่าเอาพระราชดำรัสตีความเป็นพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับกระบวนการถวายสัตย์ปฏิญาณตน และเรียกร้องไปถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งกระทำการขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง ควรลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อรักษามาตรฐานจริยธรรมของผู้นำประเทศ


ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อมูลที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงเรื่องที่มาของงบประมาณในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล หลายข้อมูลที่อ้างมาไม่เป็นความจริง เช่น การกู้เงินเนื่องจากใช้งบประมาณสมดุล ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีจำนวนมากเป็นเรื่องที่ดี ทั้งที่ในความเป็นจริงทำให้ค่าเงินบาทแข็งตัว แต่ไม่ใช่ยาวิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วรายได้ของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายไม่ใช่มาจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่มาจากรายได้จากการลงทุน ตั้งแต่ปี 2557-2558 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เงินไป 2.5 ล้านล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นโยบายเศรษฐกิจของประเทศไม่ชัดเจน เอาแต่แจกเงิน ทำให้ต่างประเทศไม่มาลงทุนในประเทศ แล้วก็จะมาอ้างว่าคนที่วิจารณ์ไม่รักชาติ ทุกคนรักชาติเหมือนกัน แต่ต้องดูที่วิธีการ เพราะงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายมาจากภาษีประชาชน และยังกู้เงินมาแล้ว ตั้งแต่บริหารประเทศ เป็นจำนวน 2.19 ล้านล้านบาท แต่นายกรัฐมนตรีไม่ยอมแจงว่าแสดงงบประมาณไว้ที่ไหน ขณะที่หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น กำลังซื้อในประเทศหดหาย ต่อให้แจกเงินเท่าไไหร่คนก็ไม่กล้าใช้จ่ายเงินและไม่กล้าลงทุน รวยกระจุก จนกระจาย ตระกูลที่ค้าขายกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในสมัย คสช. รวยขึ้นแต่ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก ตายลง นอกจากนี้ สาเหตุรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ต้องกำหนดให้คณะรัฐมนตรีชี้แจงเพราะท่านทั้งหลายใช้เงินของประชาชน และประชาชนมีหน้าที่ถามผ่านผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ในรัฐสภา 

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า การถวายสัตย์ไม่ครบตามมาตรา 162 ในรัฐธรรมนูญ เหมือนกับ ส.ส.ขาดคุณสมบัติจะเป็น ส.ส. ไม่ได้ เช่นเดียวกับการบวชพระ ถ้ากล่าวคำขานในการขอบวชพระไม่ครบ ก็เป็นพระไม่ได้ เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไหมให้ไปคิดเอาเอง ถ้าท่านเป็นแค่ทหารที่เกษียณ หรือลุงแก่ ๆ อยู่ที่บ้านก็จะไม่ถามท่าน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า  แต่วันนี้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ผมต้องถามในฐานะผู้แทนราษฎร ว่าทำไมถวายสัตย์ไม่ครบ หรือมีการวางยาท่านหรือไม่ หรือมีเพียงหนึ่งคนที่จะวางยาท่านได้ คือ เป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หรือเลขาธิการนายกรัฐมนตรี วางยาท่าน เขียนข้อความไม่ครบ หรือเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีอายุเยอะแล้ว อาจจะเลอะเลือน จึงอ่านไม่ครบ หากรู้ว่าถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะถวายสัตย์ไม่ครบ ตนจะไม่ยกมือสนับสนุนท่านเด็ดขาด และแม้ตนจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ก็รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรี 

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า  ส่วนการแถลงนโยบายรัฐบาลโดยไม่ระบุที่มาของ งบประมาณ การจัดซื้อเครื่องบินของสายการบินไทย 38 ลำที่จะเข้า ครม. สัปดาห์หน้า กว่าหนึ่ง 1.56 ล้านบาท แต่ทำไมไม่ชี้แจงในการแถลงนโยบาย ทุกวันนี้ประเทศมีหนี้สาธารณะจำนวนมาก หากไม่ทำวงเงินงบประมาณขาดดุลก็จะไม่มีเงินมาจัดซื้อจัดจ้าง และกังวลว่า ถ้าในอนาคตขาดทุนขึ้นก็คงเหมือนนโยบายจำนำข้าว หากนำทรัพย์สินของ ครม. มารวมกันทั้งหมดก็คงไม่เพียงพอกับวงเงินที่จะอนุมัติในครั้งนี้ และสิ่งสุดท้ายคือฝากให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]