รัฐสภา 18 ก.ย.- นายกฯ ชี้แจงสภาประเด็นการแถลงนโยบายรัฐบาลโดยไม่บอกแหล่งที่มาของรายได้ โดยไม่ชี้แจงปมถวายสัตย์ ยืนยัน ประกาศใช้งบฯ ปี 63 จะมีที่มาของงบประมาณในทุกโครงการ และจัดสรรงบทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นการแถลงนโยบายรัฐบาลโดยไม่บอกแหล่งที่มาของรายได้ ว่า ในประเด็นแหล่งที่มาของรายได้นั้น เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค.62 รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทั้งนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน โดยได้มีการกำหนดถึงแหล่งที่มาของรายได้ในการดำเนินนโยบายไว้ ดังนี้ 1.แหล่งเงินที่มาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี และ 2. แหล่งเงินนอกงบประมาณ เช่น การกู้เงินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนกับภาครัฐ (PPP) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่อง นโยบายที่ใช้หาเสียงเมื่อมาเป็นรัฐบาลต้องมาพิจารณาในรายละเอียดว่า สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งนโยบายจากทุกพรรคการเมืองมีความหลากหลาย จึงมาจัดกลุ่มนโยบายใน 12 ด้าน หากตั้งวงเงินที่ใช้ในทุกโครงการต้องใช้งบประมาณ 2 ล้านล้านบาท แต่งบประมาณปี 63 ที่รัฐบาลตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณที่ใช้จ่ายประจำปี ทั้งงบรายจ่ายประจำ งบกลาง งบลงทุน ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้งบประมาณปี 63 จะมีที่มาการใช้เงินของแต่ละโครงการอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจาก การกำหนดที่มาของงบประมาณของรัฐบาลในอดีต ที่กำหนดไว้เพียงนโยบายเดียว คือ นโยบายจำนำข้าว 15,000 บาท และยืนยันว่า กรอบงบประมาณต้องดูแลคนทุกกลุ่มทั้งประเทศ และไม่ใช่จัดสรรงบประมาณเพื่อพื้นที่ใดเป็นการเฉพาะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีรัฐบาลคำนึงถึงหลักความเสมอภาค สร้างความเป็นธรรม รักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ นำภาษีที่จัดเก็บได้ไปจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมถึงรายจ่ายที่เกี่ยวข้องการจัดทำสวัสดิการสังคม รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน และยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังจัดเก็บภาษีจากคนจน แต่จะเก็บภาษีอย่างเท่าเทียมยุติธรรม
นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 62 สูงถึง 2.2 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และไม่ควรดูถูกประเทศของตัวเอง ซึ่งเพิ่มต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 รวมถึงเงินคงคลัง โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 62 เป็นจำนวน 5.12 แสนล้านบาท
ส่วนการกู้เงินในสมัยที่ตนเป็นรัฐบาล โดยเฉลี่ยปีละ 4.08 แสนล้านบาท น้อยกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ที่กู้เงิน ปีละ 4.46 หมื่นล้านบาท ส่วนการตั้งงบแบบสมดุล ก็มีการประมาณการว่า จะเข้าสู่งบสมดุลได้อีก 5-10 ปีข้างหน้า ส่วนการก่อหนี้สาธารณะ ปัจจุบันเหลือ ร้อยละ 42.2
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่พูดขึ้นอยู่ว่าประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร และเชื่อสิ่งที่ตนเองพูดหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อมูลจากข้าราชการที่รวบรวมมาจากทุกกระทรวง
จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยรอยยิ้ม ว่า ขอบคุณสมาชิกทุกคน จะเห็นได้ว่าตนยิ้มให้กับทุกคน วันนี้จะเห็นได้ว่าตนดุเดือดน้อยกว่าเก่าเยอะ และตนรักทุกคน เพราะทุกคนคือคนไทยของประเทศไทยนี้ ทุกคนไม่ใช่คนประเทศอื่นที่จะมาเอาเป็นเอาตายกันหรืออย่างไร ไม่เช่นนั้นประเทศจะอยู่ไหน และขอจบคำชี้แจงเพียงเท่านี้.-สำนักข่าวไทย