อิมแพ็คฟอรั่ม 18 ก.ย..-กสศ.จับมือ 73 หน่วยพัฒนาอาชีพทั่วประเทศ ใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างต้นแบบยกระดับทักษะอาชีพแรงงานยากจน ด้อยโอกาส ให้เป็นแรงงานฝีมือ สตาร์ทอัพ สร้างเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง แก้เหลื่อมล้ำ ตั้งเป้าปีแรกมากกว่า 6 พันคน ใน 42 จังหวัด
ในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงข้อเสนอโครงการพัฒนาระบบทดลองการพัฒนาทักษะแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และด้อยโอกาส ที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)จัดขึ้น ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทาง โครงการพัฒนาระบบทดลองการพัฒนาทักษะแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส กสศ. และที่ปรึกษาคณะกรรมการ กสศ. กล่าวว่า กสศ.ร่วมกับเครือข่ายหน่วยพัฒนาอาชีพ จำนวน 73 แห่ง อาทิ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน วิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัย ศูนย์การเรียนรู้ฯ ร่วมดำเนินโครงการพัฒนาระบบตัวอย่างการพัฒนาทักษะแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส โดยมีชุมชนเป็นฐาน มุ่งยกระดับฝีมือแรงงานระดับ 1.0 และ 2.0 ไม่จำกัดอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีการศึกษาต่ำกว่าระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและมีรายได้ต่ำกว่า 6,500 บาท รวมถึงผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้ว่างงาน คนพิการ คนเร่ร่อน เยาวชนในสถานพินิจ ผู้ต้องขัง ที่ทำงานอยู่ในภาคเกษตรกรรม หัตถกรรม เน้นการใช้แรงงานหนักและราคาถูก ให้มีทักษะสูงขึ้น มีงานทำ มีโมเดลธุรกิจของตัวเอง มีรายได้สูงขึ้น โดยมีพื้นที่ปฏิบัติการระดับตำบลหรือเทศบาลจำนวนกว่า 76 ตำบล ใน 42 จังหวัดครอบคลุมทุกภูมิภาค ในปีแรกจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากกว่า 6,239 คน
โดยการออกแบบระบบพัฒนาทักษะแรงงานยากจน ด้อยโอกาส เน้น 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.การใช้ชุมชนเป็นฐาน (community-based) เพื่อยกระดับการประกอบอาชีพ มีการวิเคราะห์ทุนชุมชน จุดแข็ง จุดอ่อน ทำ Social Mapping เพื่อกำหนดแผนธุรกิจและแผนกำลังคนที่เหมาะสมกับชุมชนท้องถิ่น 2.การพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการ/แรงงานฝีมือในชุมชน ผ่านหลักสูตรระยะสั้น 100-200 ชั่วโมง ครอบคลุมด้านทักษะอาชีพโดยปฏิบัติงานจริงในชุมชนหรือสถานประกอบการ และ 3.การเสริมสร้างสมรรถนะแก่ชุมชนและภาคเอกชน โดยจะส่งเสริมบทบาทในการเป็นเจ้าภาพหลักในการพัฒนา
ที่ปรึกษา กสศ. กล่าวอีกว่า เครือข่ายหน่วยพัฒนาอาชีพทั้ง 73 แห่ง จะจับคู่กับชุมชนดำเนินงานยกระดับทักษะการประกอบอาชีพให้กับแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ซึ่งธุรกิจชุมชนเป็นแหล่งจ้างงานสำคัญที่สุดในพื้นที่ชนบท โครงการจะส่งเสริมให้ชุมชนและสถานประกอบการ ภาคธุรกิจเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เกิดเป็นเครือข่ายจับคู่การพัฒนา เช่น การร่วมเป็นวิทยากร การใช้สถานที่ฝึกงาน และการสมทบทรัพยากรในรูปแบบที่เป็นไปได้ มุ่งเน้นกระบวนการเสริมศักยภาพของชุมชนในการพัฒนาอาชีพ บนฐานข้อมูล ความรู้ ทุนทางสังคม เศรษฐกิจ และทรัพยากร สร้าง Creative Space ที่มีการใช้เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์และทุนทางสังคมเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ มุ่งเป้าตรงตามความต้องการของชุมชนหรือตลาดแรงงานท้องถิ่นร่วมไปกับการสร้างพื้นฐานทักษะอาชีพในฐานะผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ขนาดย่อมในชุมชน
“ทั้ง 73 โครงการ จะเป็นโมเดลหรือระบบต้นแบบสำคัญของประเทศ ในการยกระดับแรงงาน 1.0 หรือ 2.0 ให้เป็นแรงงานมีฝีมือ เป็นผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของชุมชน ผมคิดว่าเรื่องนี้ กสศ.มาถูกทาง โครงการนี้ตอบโจทย์สำคัญของประเทศในการพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจ 4.0 ที่ยั่งยืนมีชุมชนเป็นฐาน แก้เหลื่อมล้ำได้อย่างแท้จริง และไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไร ชุมชนจะรองรับได้” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
นายชาญ อุทธิยะ ปราชญ์ชาวบ้านภาคเหนือ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องเน้นสร้างฐานให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง และต้องมีกระบวนการการมีส่วนร่วม ช่วยกันคิด มองปัญหา ต้องทำให้ชุมชนเห็นคุณค่าในการพัฒนากลุ่มคนด้อยโอกาสให้ได้รับการช่วยเหลือ ฝึกฝนพัฒนาอาชีพอย่างเท่าเทียมเสมอภาค ถือเป็นการติดอาวุธทางปัญญาสู่การพัฒนาทรัพยากร พัฒนาอาชีพแบบยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย