เมืองทองธานี 18 ก.ย.- นายกฯ ขอข้าราชการระดมสมอง เป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง เดินหน้าประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน นำแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 สู่การปฏิบัติ อยากให้ประเทศไทยเป็นเหรียญที่ดีทั้ง 2 ด้าน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุม และกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมประจำปี 2562 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่อง พัฒนาพื้นที่ไทย : เชื่อมไทย ก้าวไกล เชื่อมโลก ตอนหนึ่งว่า การจัดประชุมวันนี้ เพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ไปใช้ได้จริงและเป็นรูปธรรม ให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 นี้ อยู่ในช่วง 5 ปี แรกของยุทธศาสตร์ชาติ และการปฎิรูปประเทศ ต้องร่วมกันเดินหน้าประเทศ โดยเฉพาะการกำจัดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเป้าหมายหลัก เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และเป็นสังคมแห่งโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และ ใช้ศักยภาพของไทย ในการเป็นศูนย์กลางภูมิภาค ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ ในภูมิภาค ทั้งเรื่องการบิน เศรษฐกิจ การศึกษา และการสาธารณสุข รวมทั้ง ต้องเชื่อมโยงความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยต้องเดินหน้าตามยุธศาสตร์ 6 ด้าน ที่สำคัญคนไทยเก่งทุกคน แต่จะทำอย่างไร ให้หันมาร่วมมือกัน โดยหาจุดตรงกลาง เดินหน้าสิ่งต่างๆ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่
“ทุกวันนี้ข่าวและปัญหาต่างๆ มีสองด้านเสมอ แล้วแต่ทุกคนจะมองว่าให้แย่ หรือจะมองว่ารักประเทศหรือไม่ ในส่วนตัวยืนยันรักประเทศด้วยใจ และเชื่อว่าทุกคนรักประเทศ ยกเว้นบางคนเท่านั้น ขอราชการทำงานอย่างมีความรู้ความเข้าใจ และต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องต่างๆ ไม่ใช่ให้ประชาชนไม่เข้าใจ แล้วมาต่อว่า นากยฯ และรัฐบาลอย่างเดียว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ข้าราชการทุกคนต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ และต้องทำเพื่อประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืน ดังนั้น ต้องช่วยกันระดมสมอง นำไปสู่การปฎิบัติให้ได้ พร้อมสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงโครงการต่างๆ ในการพัฒนาประเทศ
“ทุกวันนี้ทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้วันไหนไม่มีภารกิจข้างนอก ก็จะต้องดูเอกสาร อ่านหนังสือ ศึกษาเรื่องต่างๆ เพื่อใช้บริหารประเทศ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีข้อมูลมาพูดในเวทีต่างๆ และหลายครั้งที่ไม่ได้พูดตามสคริปต์ที่เตรียมไว้ เพราะรู้สึกว่าไม่เร้าใจ ผมจึงปรับข้อมูล เพื่อให้ทุกคนสนใจสิ่งที่พูด มีความสุข ไม่รู้สึกง่วง แต่การพูดให้เร้าใจบางครั้ง ถูกหยิบไปเป็นประเด็น เข้าใจว่ามีคนจับจ้องสิ่งที่ผมพูดอยู่ บางครั้งหายใจยังผิด วันนี้ถ้าจะเปรียบมีคนสาดน้ำใส่ แล้วเราสาดกลับ ก็เปียกด้วยกันทั้งคู่ แต่จะให้คนอื่นสาดอยู่เพียงฝ่ายเดียว จะไหวหรือไม่ เช่นเดียวกับเรื่องของเหรียญที่มี 2 ด้านเสมอ ทั้งด้านที่ดี และไม่ดี แต่อยากให้ประเทศไทยมีเหรียญที่เป็นด้านดีทั้ง 2 ด้าน” นายกรัฐมนตรี กล่าว . – สำนักข่าวไทย
