หอการค้าไทยปรับจีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.3

ม.หอการค้าไทย  9  ส.ค. – หอการค้าไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้เป็นขยายตัวร้อยละ 3.3 จากเดิมร้อยละ 3  หลังการเมืองชัดเจน  ขณะที่นักธุรกิจเชื่อมั่นลงทุนในประเทศมากขึ้น


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2559 มีโอกาสขยายตัวร้อยละ 3.3 จากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 3 การส่งออกติดลบร้อยละ 2.1 อัตราเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 0.4

สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ หลังจากผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มมีผลต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ภาคการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง รัฐบาลมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนภาครัฐเข้าไปในระบบช่วงครึ่งปีหลังอีกประมาณ 150,000-200,000 ล้านบาท ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มคลี่คลายและราคาสินค้าเกษตรเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อเกษตรกรมีแนวโน้มดีขึ้น  ส่วนปัจจัยลบ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจน อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ทำให้มีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การส่งออกยังมีแนวโน้มหดตัว ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น


นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจภาคธุรกิจต่อผลกระทบเศรษฐกิจและธุรกิจ หลังการลงประชามติ ว่า นักธุรกิจร้อยละ 42.1 เห็นว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันจะดีขึ้น โดยนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศร้อยละ 69.7 มีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศมากขึ้น ร้อยละ 41.3 เห็นว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.01-3.5  ขณะที่ปี  2560  นักธุรกิจร้อยละ 35.4 เห็นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.51-4.0 ส่วนแผนการพัฒนาเศรษฐกิจระยะสั้นที่รัฐบาลควรดำเนินการ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้มีกำลังซื้อ ส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชน มีมาตรการเสริมสร้างสภาพคล่องให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี พิจารณาราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่ดี อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศและเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคต ส่วนแผนระยะกลางและระยะยาว คือ การขจัดคอร์รัปชั่น ส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจไทยให้สามารถแข่งขันได้ ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านการเงิน เพื่อการวางแผนและป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

ทั้งนี้  นายธนวรรธน์  กล่าวถึงเกมส์จับโปเกม่อนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ว่า ทำให้คนเดินทางออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น หากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเอาโปเกม่อนไปไว้ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อาจทำให้เกิดการใช้จ่ายในสถานที่ดังกล่าวมากขึ้น แต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใดต้องขึ้นอยู่กับกระแสว่าจะยาวนานเท่าใดและมีการจับจ่ายจริงเท่าใด..-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว