ตลท. 11 ก.ย. – BWHREIT เตรียมระดมทุนขายหน่วยทรัสต์ 3,850 ล้านบาท รองรับลงทุน 3 โรงแรมชั้นนำ คาดผลตอบแทนปีแรก 8.50% รับไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวของอาเซียนที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุน ภายใต้ชื่อ “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิ์การเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้” หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) โดยจะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิ์การเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ในภูเก็ต เกาะสมุย และเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ 1. กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และสังหาริทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล (โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ) เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ 2.การลงทุนในสิทธิ์การเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมหรรษาสมุยรีสอร์ท แอนด์ สปา (โรงแรมหรรษา สมุย) รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี และ 3. สิทธิ์การเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC (โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม) เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี
นายรุ่งยศ กล่าวว่า จุดเด่นของกองทรัสต์ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้แต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษาสมุยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวยุโรปเป็นหลัก โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว และโรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วนร้อยละ 57 และร้อยละ 43 ตามลำดับ นอกจากนี้ กองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สินที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
“มองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและสวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็นร้อยละ 22.8 ของจีดีพีประเทศ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน ด้วยปัจจัยบวกจากการพัฒนาการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การขยายสนามบินและการเพิ่มเส้นทางของสายการบินโลว์คอสต์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ” นายรุ่งยศ กล่าว
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาลกว่า 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินลงทุนครั้งแรกกองทรัสต์ BWHREIT จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท โดยจะมาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์ประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ปีแรกประมาณ 8.50% ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) เป็นที่เรียบร้อย โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาและอนุมัติเบื้องต้น (นับ 1 Filing) แล้ว เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 . – สำนักข่าวไทย