ศาลฎีกาสั่งคุก 3 ปี 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี คดีบุกรุกเกาะปอดะ

กระบี่ 10 ก.ย. – วันนี้ ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ยื่นฟ้องนายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ ฐานบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ บนเกาะปอดะ โดยตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 8 จำคุก 3 ปี 6 เดือน แต่แก้โทษให้รอลงอาญา 2 ปี สำนักข่าวไทยพาย้อนรอยการต่อสู้คดีที่ยาวนานกว่า 30 ปี 


เกาะปอดะ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักเดินทางจากทั่วโลก ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมความงดงามของธรรมชาติได้แบบวันเดย์ทริป เนื่องจากอยู่ห่างจากชายฝั่งอ่าวนาง ระยะทางเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม ในปี 2528 เกาะปอดะเริ่มกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กับนายชวน ภูเก้าล้วน ผู้อ้างการถือครองกรรมสิทธิ์ โดยใช้เอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. อ้างเป็นหลักฐานการครอบครอง ก่อนที่ศาลฎีกาจะพิพากษาให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ฉบับดังกล่าว จำนวน 51ไร่ กลับเป็นของอุทยานฯ เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 รวมระยะเวลาต่อสู้ 3 ศาล 26 ปี 


และแม้ว่าเมื่อปี 2554 ศาลฎีกาตัดสินให้เพิกถอน น.ส.3 ก. จำนวน 51 ไร่เศษ กลับคืนแก่อุทยานฯ แต่หลังจากนั้น 4 ปี ผู้อ้างการถือครองกรรมสิทธิ์รายเดิมได้นำหลักฐาน ส.ค.1 มาแสดงใหม่ และกลับเข้าครอบครองเกาะปอดะ ทำให้เกิดการต่อสู้กันอีกครั้ง กระทั่งวันนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสินลงโทษผู้อ้างการถือครองกรรมสิทธิ์ จำคุก 3 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

ในปี 2557 นายชวนได้อ้าง ส.ค.1 ฉบับใหม่ เพื่อกลับเข้าครอบครองเกาะปอดะอีกครั้ง โดยมีการนำรั้วลวดหนามกั้นแนวเขต ส่งผลให้อุทยานฯ เป็นโจทก์ฟ้องร้องขับไล่ ข้อหาบุกรุกอุทยานฯ เนื้อที่ 22 ไร่ โดยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อปี 2559

ก่อนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 จะพิพากษากลับคำตัดสิน ลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 กระทั่งวันนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด ลงโทษยืนตามศาลอุทธรณ์ แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับเป็นเงิน 80,000 บาท และให้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 30 ชั่วโมง

หลังฟังคำตัดสิน นายชวน ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า น้อมรับคำพิพากษา ขณะที่นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชาย ระบุว่า หลังจากนี้ครอบครัวจะเดินหน้าสู้ต่อ เนื่องจากศาลฎีกายังไม่ได้พิพากษาว่า ส.ค.1 ฉบับใหม่ที่นำมาแสดง 71 ไร่ ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น จึงถือว่าผู้ถือครองยังมีกรรมสิทธิ์บนที่ดินอยู่

การต่อสู้ที่ใช้เวลายาวนานถึง 33 ปี สำหรับคดีข้อพิพาทเกาะปอดะ ซึ่งอุทยานฯ เป็นฝ่ายชนะคดีในชั้นฎีกามาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ทว่าวันนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดถึงผลการตรวจสอบพิสูจน์สิทธิ ส.ค.1 ที่กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งในไม่ช้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจยืดเยื้อยาวนานถึง 3 ศาล เช่น 2 ครั้งที่ผ่านมา รวมถึงคำตัดสินในส่วนของคดีแพ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นฎีกาแล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง