ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบแพคเกจ Thailand Plus 7 ด้าน เร่งรัดการลงทุน

ทำเนียบฯ 6 ก.ย. – ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบแพคเกจ Thailand Plus  ปลดล็อคการลงทุน  7ด้าน ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี หนุนพัฒนาบุคคลากรหักลดหย่อนมากกว่า 2 เท่า  เร่งพาณิชย์เดินเครื่องเจรจาเอฟทีเอไทย-ยุโรป 


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า นักลงทุนหลายประเทศ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศ ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังไทย แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องแรงจูงใจการลงทุน หลายประเทศต้องเปลี่ยนไปย้ายไปลงทุนในประเทศคู่แข่งเวียดนาม โดยเมื่อรัฐบาลผลักดัน แพคเกจ Thailand Plus  7 ด้าน จะทำให้การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเร็วขึ้น ไทยจึงต้องใช้โอกาสนี้ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามายังไทย ซึ่งมาตรการดังกล่าวเตรียมนำเสนอที่ประชุม ครม.ในวันอังคารหน้า 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.ศรษฐกิจ) ได้เห็นชอบแพคเกจเร่งรัดการลงทุนและรองรับการย้ายฐานการผลิต จากผลกระทบของสงครามการค้าหรือ Thailand Plus Package 7 ด้าน ดังนี้  1.การให้สิทธิประโยชน์เร่งรัดการลงทุน จากเดิมได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคล 8 ปี  และลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 3 ปี  เพิ่มใหม่เป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติม  โดยกำหนดต้องเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000ล้านบาท ภายในปี 2564  ต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563    2. เห็นชอบตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานงานการลงทุนในลักษณะ One Stop Service โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อตัดสินใจ และอำนวยความสะดวกและช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคแก่นักลงทุนรวมในจุดเดียว ไม่ต้องเดินทางไปหารือกับหลายหน่วยงานแล้วไม่ได้รับคำตอบชัดเจน เพื่อให้นักลงทุนเชื่อมั่นเมื่อได้หารือกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตได้อย่างรวดเร็ว


3.ด้านพัฒนาบุคลากร  กำหนดมาตรการด้านการคลัง เพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมแรงงาน เมื่อผู้ประกอบการนำเงินลงทุน หรือมีค่าใช้จ่ายอบรมแรงงานด้าน  Advance Technology  สามารถไปหักลดหย่อนภาษีได้มากกว่า 2 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง ระหว่างปี 2562-2563 รวมทั้ง การออกมาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจ้างงานบุคลากรทักษะสูงในสาขาวิทยาศาตร์เทคโนโลยี และวิศวกรรมขั้นสูง  

นอกจากนี้ บีโอไอยังร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.)  เสนอแนวทาง การนำเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมาใช้สนับสนุนการจัดตั้งสถาบันการศึกษาศักยภาพสูง เพื่อให้สถาบันการศึกษา บริษัทต่างชาติหรือเอกชนจัดคอร์สการอบรมระยะสั้น เช่น Google หัวเหว่ย พร้อมเข้ามาตั้ง Academy เพื่ออบรมแรงงานทักษะสูง 

4. ด้านความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) มอบหมายให้กระทรวง พาณิชย์เร่งปรับปรุงบัญชีแนบท้ายตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและข้อจำกัดต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อให้บีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงข้อมูล อำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากร  กรมโรงานอุตสาหกรรมและกรมที่ดิน  การปรับปรุงกฏระเบียบเรื่องวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน เพื่ออำนวยควมสะดวกแก่นักลงทุน และผู้มีความเซี่ยวชาญสูง เพื่อให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้สะดวกขึ้น 


5.มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดหาและพัฒนาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เพราะแต่ละประเทศต้องการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น  เกาหลี จีน ไต้หวัน  ญี่ปุ่น    6.  ครม. ขอให้กระทรวงพาณิชย์  สรุปผลการศึกษา  และฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-อียู และการเข้าร่วมความตกลหุ้น ทางเศรษฐกิจเอเซียแปซิฟิก (CPTPP)  ภายในปี 2562  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาติว่าไทยประสงค์เจรจาทั้งสองเวทีอย่างแน่นอน และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณดูผลเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ผ่านกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าด้วย  7. ให้กระทรวงการคลัง กำหนดมาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้นักลงทุนนำค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนด้านระบบอัตโนมัติได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.5 เท่า ระหว่างปี 2562-2563 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ด้วยระบบอัตโนมัติ  

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า มาตรการชักจูงการลงทุนของบีโอไอ ได้เตรียมร่วมกับหลายหน่วยงาน เดินทางออกไปโรดโชว์กับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อตลาดเชิงรุก เน้นกลุ่มในประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี เป็นต้น  เพราะไทยมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ สอดคล้องกับนโยบาย New Southern Policy ของเกาหลีใต้ และนโยบาย Belt and Road Initiative Thailand (BRI) ของจีน  ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของญี่ปุ่น  และสหรัฐอเมริกา และนโยบายมุ่งตะวันออก (Look East policy) ของอินเดีย  เนื่องจากไทยมีจุดเด่น เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงไปยังกลุ่ม ACMECS หรือ CMVT การออกมาตรการ Thailand Plus ครั้งนี้  จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการดึงการลงทุนในช่วงที่นักลงทุนต้องการย้ายฐานการผลิต การลงทุนจากต่างประเทศ ขณะนี้ไทยจัดเป็นอันดับ 4 รองจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยไทยมีเงินลงทุนโดยตรง (FDI) 10,493 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายกอบศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนบริหารงานเศรษฐกิจ  โดยมีนายกอบศักดิ์ เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย ตัวแทนจาก คลัง ธปท. สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจให้เกิดผลเป็นรูปธรรม  และรายงานภาพรวมทางเศรษฐกิจให้ ครม.เศรษฐกิจรับทราบทุกสัปดาห์ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. แจงกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) ไม่ใช่อาวุธเคมี

กองทัพบก 19 ส.ค.-ทบ. แจงกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) ไม่ใช่อาวุธเคมี หลัง CMAC กัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีนายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) เผยแพร่ข้อมูลอ้างว่า ผู้เชี่ยวชาญของ CMAC ตรวจพบกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร บรรจุสารฟอสฟอรัสขาว (White Phosphorus – WP) ในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย พร้อมทั้งกล่าวหาว่าเป็นผลจากการยิงของกองทัพไทยในช่วงความขัดแย้ง 5 วัน และเป็นกระสุนที่มีลักษณะเป็นอาวุธเพลิงและก่อควันพิษ โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ปราศจากหลักฐานสนับสนุน และไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย พร้อมชี้แจงว่า กระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) มีวัตถุประสงค์หลักในการใช้สร้างควัน แสงสว่าง ระเบิด และเพลิง ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอาวุธเคมีตามอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention – CWC) อีกทั้งไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศใดที่ห้ามการเก็บรักษาหรือการใช้งานกระสุนชนิดนี้ ประเทศไทยจึงสามารถเก็บรักษาและใช้ตามภารกิจทางทหารได้ภายใต้กรอบกฎหมายสากล ในส่วนของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธตามแบบบางชนิด (Convention […]

สตง. แจงหลังคว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสสูงสุด

19 ส.ค. – สตง. เคลื่อนไหว แจงหลังคว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสสูงสุด ปี 68 ระบุมีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้านและหลากหลายมิติ จากกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสปี 2568 ด้วยคะแนนสูงถึง 94.64 จากการประเมิน ITA หรือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมทั้งสิ้น 8,317 หน่วยงาน และมีผู้ตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากกว่า 1.35 ล้านความคิดเห็น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ออกเอกสารเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เนื้อหาใจความระบุว่า การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริต ด้วยวิธีการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐมีการดำเนินงานป้องกันการทุจริต โดยเป็นการดำเนินงานคู่ขนานกันไปกับมิติด้านการปราบปรามการทุจริต และมิติด้านการเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมในความชื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตในสังคมไทยเกิดผลสัมฤทธิ์ และเกิดความยั่งยืน โดยการประเมินเป็นเครื่องมือที่มีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้านและหลากหลายมิติ กำหนดระเบียบวิธีการประเมินผลที่เป็นไปตามหลักการทางสถิติ และทางวิชาการเพื่อให้ผลการประเมินสามารถสะท้อนสุขภาวะขององค์กรในด้านคุณธรรม และความโปร่งใสได้อย่างแท้จริง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2568 โดยในการประเมินนั้นมีการเก็บข้อมูล 3 ส่วน ดังนี้ ทั้งนี้ […]

“หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

18 ส.ค. – ปมร้อน “หลวงพ่ออลงกต” ขอลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เปิดทางให้ตรวจสอบวัด ล่าสุด “หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออก ขอเวลาจัดการทุกเรื่อง คาด 1 เดือนชัดเจน วันนี้ (18 ส.ค.) มีกระแสข่าวว่า “พระราชวิสุทธิประชานาถ” หรือ “หลวงพ่ออลงกต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อรับผิดชอบต่อสถานการณ์และเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไปอย่างโปร่งใส ขณะที่ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กำลังติดตามข่าวดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเกิดความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ส่วนเหตุผลที่หลวงพ่ออลงกตลาออก คาดว่าเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าได้ พศ.แจ้งวัดหักลดหย่อนเงินบริจาคต้องผ่านระบบ e-Donation ผอ.พศ. ยังกล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมสรรพากรทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา แจ้งว่ากำหนดให้การบริจาคให้แก่วัด มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค ต้องใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 […]

“ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย ลั่นไม่เคยพูดยุบ ศบ.ทก.

ทำเนียบ 18 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย​ ต้องรอผลประชุม​ RBC​-GBC มอบตำรวจภูธร​ภาค​ 3 รับเรื่องร้องทุกข์​ประชาชน-​ราชการ​ ส่งอัยการสั่งฟ้องแพ่ง​-อาญา​ “กัมพูชา” ส่วนฟ้อง “ฮุนเซน​” หรือ​ “ฮุน​ มาเนต​” ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย​ ไม่ตอบจัดการเครือข่ายนักการเมืองในไทย​ ชี้​หากทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปิดเผย​ ลั่น​ไม่เคยพูดสักคำ​ ยุบ ศบ.ทก. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชายังต้องเฝ้าระวัง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ และยังรอการประชุม ตามกรอบต่างๆ ซึ่งการประชุม RBC จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ ขณะที่วันที่ 8-10 กันยายนจะเป็นการประชุม GBC ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยราชการติดตามข่าวสาร และประสานงานกันอย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะในเรื่องข่าวสารที่สร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมยอมรับว่าขณะนี้มีกระบวนการไอโอ จึงขอช่วยกัน อย่าตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยึดผลประโยชน์ประเทศชาติอธิปไตยของประเทศทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขณะเดียวกันที่ประชุม สมช.ยังมีการพิจารณาเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการคุกคามอธิปไตยของไทย […]