เผยผลสำรวจ สาธารณชนเชื่อมั่นดีเอสไอ

รร.เซนทรา ศูนย์ราชการ 6 ก.ย.-ผลสำรวจพบสาธารณชนเชื่อมั่นความเชี่ยวชาญของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คาดหลังปิดสำนวนคดี ‘บิลลี่’ ยกระดับดีเอสไอ แต่ต้องระวังการเมืองแทรกแซงคดีฉุดศรัทธาตกต่ำ


ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ประจำปีงบ ประมาณ2562 ซึ่งได้จากการจัดเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 5-16 สิงหาคม 2562 พบว่า  ผลการสำรวจเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างประขาชนทั่วไป ผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้เสียของดีเอสไอ กว่า2,500 กลุ่มตัวอย่าง พบว่า ในส่วนของระดับความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อดีเอสไอ กลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 78.90 ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไป มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ64.90 


ประเด็นที่กลุ่มตัวอย่างให้ความเชื่อมั่นมากที่สุด คือ ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รองลงมาคือ ความโปร่งใส และความเท่าเทียม ตามลำดับ 

ขณะที่ผลสำรวจการรับรู้ รับทราบ บทบาทหน้าที่ของดีเอสไอกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึงร้อยละ93 ระบุว่าพอรู้จัก มีเพียงร้อยละ 6.8 ที่รู้จักเป็นอย่างดี โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 81 ทราบว่า เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ในขณะที่บทบาทหน้าที่ในด้านอื่นมีการรับรู้ค่อนข้างต่ำ

สำหรับการติดตามข้อมูลข่าวสารและผลงานของดีเอสไอ พบว่าตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ98 ติดตามผ่านสื่อโทรทัศน์ รองลงมาคือ เฟซบุ๊ก และหนังสือพิมพ์ตามลำดับ 


ส่วนผลการสำรวจเชิงคุณภาพ จากผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้รับบริการ ผู้ได้รับผลกระทบจากการให้บริการ หน่วยงานร่วมปฎิบัติ จำนวน 20 หน่วยตัวอย่าง ผลสำรวจความเชื่อมั่นที่มีต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า โครงสร้างการทำงานดี มีการทำงานแบบถ่วงดุล มีช่องทางการให้บริการและอำนวยความยุติธรรมที่ค่อนข้างเปิดกว้าง มีศักยภาพในการดำเนินคดีอาชญากรรมที่มีความยุ่งยากซับซ้อน  เนื่องจากมีอำนาจตามกฎหมายมากกว่าหน่วยงานยุติธรรมอื่นๆในการดำเนินคดีพิเศษ และมีบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่และคลี่คลายคดีระดับประเทศซึ่งเป็นความหวังให้ประชาชนได้ 

ในขณะเดียวกัน ประเด็นที่ทำให้ระดับความเชื่อมั่นลดลงจนถึงระดับไม่เชื่อมั่น สำคัญสุดคือเป็นหน่วยงานที่ยังถูกแทรกแซงทางการเมือง ซึ่ง   การดำเนินคดียังไม่มีความเป็นอิสระ การรับส่งต่อคดียังคลุมเครือในการแบ่งแยกคดีพิเศษ การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการทำงานตามฝ่ายการเมือง ขาดการชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนในการดำเนินการให้ผู้เกี่ยวข้องในกับคดีได้รับทราบ ภาพลักษณ์ในการทำหน้าที่ทับซ้อนกับตำรวจ และมีความเคลือบแคลงในมาตรฐานการคัดเลือกบุคลากรมาทำหน้าที่ 

จากผลการสำรวจครั้งนี้ สรุปได้ว่ากลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ผู้รับ บริการผู้บริหารที่รู้จักดีเอสไอจะมีระดับความเชื่อมั่นในระดับสูง ในขณะที่กลุ่มประชาชนทั่วไปหรือคนที่ไม่รู้จักดีเอสไอจะมีระดับความเชื่อมั่นต่ำ ดังนั้น จึงเสนอแนะให้ดีเอสไอ ต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับประชาชนเพื่อให้รู้จักบทบาทหน้าที่ของกรมให้มากขึ้น เชื่อว่าหากมีการสำรวจในช่วงทีดีเอสไอแถลงข่าวพบกระดูกของบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ เชื่อว่าผลการสำรวจประชาชนจะรู้จักกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ90แน่นอน 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สังคมกังวลคือปัญหาการแทรกแซงทางการเมืองหรือคดีด้านการเมืองที่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง เพราะอาจมีความกังวลการเมืองเข้ามาจะมีผลต่อความเป็นกลางในการทำคดีและส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร โดยเฉพาะคดีพิเศษที่มีความสำคัญ ซึ่งประชาชนมีความคาดหวังสูงว่าดีเอสไอจะไม่ถูกแทรกแซง จึงอยากให้มีการสรรหาบุคคลากรเข้ามาทำงาน ที่ต่างจากตำรวจ  และมีระบบการคัดคนที่ต่างจากหน่วยงานอื่น โดยใช้สหวิชาชีพเข้ามาร่วม

ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า จากผลการสำรวจทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รู้ทิศทางและนำมาทบทวนการทำงานในการดำเนินคดีสำคัญเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและประชาชนได้รู้ว่าในแต่ละปีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษใช้งบประมาณกว่า 1พันล้านบาทไปใช้ทำอะไรบ้างและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถเรียกคืนผลประโยชน์ให้รัฐได้มากกว่า 5 แสนล้านบาทซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า 

อย่างไรก็ตามกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะยังคงทำงานแบบูรรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ในการทำคดีสำคัญๆ รวมถึงการคลี่คลายคดีการหายตัวไปของบิลลี่ ซึ่งได้ทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ในการลงพื้นที่สืบสวนเก็บข้อมูล หาหลักฐาน รวมทั้งดูสภาพภูมิประเทศทั้งในหน้าแล้งหน้าฝน ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะพบหลักฐานสำคัญ ซึ่งเป็นงานยาก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร