กรุงเทพฯ 5 ก.ย. – สร.กฟผ.นัดแต่งดำคัดค้านมติ กบง. ล้มประมูล LNG ด้านผู้บริหารรอมติ ครม. ที่ชัดเจนก่อนประกาศยกเลิกประมูล
หลังจาก คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้มีมติยกเลิกการประมูลการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ไม่เกิน 1.5 ล้านตัน ซึ่งให้เหตุผลว่าจะกระทบต่อค่าไฟฟ้า ราว 2 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากเกิดปัญหาเทคออร์เพย์ กับก๊าซฯแหล่งอื่นที่ทำให้เหลือใช้และประชาชนต้องรับภาระในส่วนนี้ กบง. จึงมีมติล้มประมูลและให้นำเข้า กฟผ.นำเข้าในรูปแบบราคาตลาดจร หรือสปอต ไม่เกิน 2 ลำเรือ ลำละ 9 หมื่นตัน
ล่าสุด สหภาพแรงงาน กฟผ. เคลื่อนไหว โดยนัดพนักงานทั่วประเทศแต่งดำ เพื่อเป็นสัญลักษณ์คัดค้านมติ กบง. ที่เห็นว่าไม่เป็นธรรมกับ กฟผ.เพราะที่ผ่านมา กฟผ.เปิดประมูลแอลเอ็นจี เป็นการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลทั้งสิ้น ในเรื่องการส่งเสริมการแข่งขันการนำเข้าแอลเอ็นจีเพื่อให้ต้นทุนค่าไฟฟ้า
นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ. กล่าวว่า พรุ่งนี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านถึงประธาน กบง.ที่กระทรวงพลังงานและทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่จะมีการประชุม กพช. วันที่ 12 ก.ย. นี้ ซึ่งการประมูลเกิดจากมติ กพช.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเช่นกัน โดยการล้มประมูลจะกระทบระยะยาวต่อประชาชนในเรื่องต้นทุนค่าไฟฟ้าและการล้มประมูลทำให้ กฟผ. องค์กรของรัฐและนโยบายรัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ ในขณะเดียวกันผู้ประมูลได้ คือ ปิโตรนาสแอลเอ็นจีแห่งมาเลเซีย ย่อมกระทบความสัมพันธ์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน จึงขอให้ รมว.พลังงานทบทวนมติ กบง.ดังกล่าว
ประธาน สร.กฟผ. เชื่อว่า การที่มติ กบง. ล้มประมูลคง เนื่องจากนายสนธิรัตน์ฟังข้อมูลไม่ครบถ้วน ฟังความจากกลุ่มทุนพลังงานด้านเดียว โดยกรณีที่ระบุว่า ราคาสัญญาระยะกลางที่ประมูล 8 ปี มีราคาสูง7.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู จึงให้นำเข้าด้วยราคาสปอตที่ขณะนี้มีราคา 3 – 4 ดอลลาร์ ต่อล้านบีทียูนั้น ในโลกค้าพลังงานก็ทราบกันดีราคาสปอตเป็นราคาชั่วคราวไม่สามารถการันตีได้ว่าจะถูกเช่นนี้ตลอด และข้อมูลด้านพลังงานก็ระบุชัดว่า 5 ปีข้างหน้าตลาดแอลเอ็นจีเป็นของผู้ขายราคาอาจจะสูงกว่านี้ ที่สำคัญการประมูลรอบนี้ก็ต่ำกว่าสัญญาที่ ปตท. นำเข้าระยะยาวทุกสัญญา และ ยังถูกกว่าราคาที่ ปตท. ร่วมประมูลครั้งนี้ที่ 7.7 ดอลลาร์/ล้านบีทียู ซึ่งการที่ให้ กฟผ.นำเข้าเห็นชัดว่าจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าจะถูกลงในอนาคต ส่วนเรื่องเทคออร์เพย์ที่เกิดขึ้น ก็มาจากราคาที่ก๊าซที่ ปตท.ตกลงไว้มีราคาสูง แต่ ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็มีการหารือจนสามารถบริหารจัดการได้
“เหตุผลยกเลิกประมูลแอลเอ็นจีเป็นข้อมูลที่ กฟผ.ตอบได้ทุกเรื่อง โดยหากต้องการให้ ปตท.เป็นฮับแอลเอ็นจีในอาเซียน ราคาก็ต้องต่ำ จึงอยากขอวิงวอนให้ รมว.พลังงานทบทวน หรืออยากให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกจริงๆ ก็ใช้การนำเข้าแอลเอ็นจีแบบสปอตทั้งหมดจะดีกว่าไหมเพราะราคาจะอยู่ราว 6 ดอลลาร์หรือ 200 บาทต่อล้านบีทียู ถูกกว่าราคาที่ ปตท.ขายที่ 250 บาท/ล้านบีทียู โดยที่ผ่านมา กฟผ.เป็นเด็กดีมาตลอด ทำตามนโยบายรัฐทุกอย่าง ล่าสุดก็เตรียมซื้อปาล์มอีก1.3 แสนตันเพื่อช่วยเกษตรกร จึงขอให้ รมว.พลังงาน อย่าฟังความข้างเดียว” นายศิริชัยกล่าว
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวในระหว่างนำคณะสื่อมวลชน ศึกษาดูงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และนวัตกรรมไฟฟ้าในสเปนกล่าวว่า หากจะยกเลิกประมูลแอลเอ็นจี ทาง กฟผ. คงต้องรอ มติครม. หลังจาก กบง.นำเสนอ กพช.และ ครม. เพราะการประมูลเป็นการดำเนินตาม มติ กพช.31 ก.ค.60 ซึ่ง กฟผ.ได้จัดจ้างที่ปรึกษาและจัดการประมูล โดยดูข้อมูลรอบด้านรวมถึงทิศทางตลาดแอลเอ็นจีในอนาคตที่อีก 5 ปี ความต้องการจะสูงขึ้นตลาดจะเปลี่ยนจากปัจจุบันที่ตลาดเป็นของผู้ซื้อกลายเป็นตลาดของผู้ขาย โดยยืนยันว่า จะไม่เกิดปัญหาเทคออร์เพย์ เนื่องจาก กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมแผนบริหารจัดการ โดยสัญญาซื้อขาย มีความยืดหยุ่น สามารถปรับลดปริมาณการนำเข้า ระหว่าง 0.8 -1.5 ล้านตันต่อปี อีกทั้ง กฟผ. ได้เจรจากับบริษัทคู่สัญญาให้ดำเนินการขายแอลเอ็นจีส่วนที่ไม่ได้ใช้ให้กับรายอื่นแทนได้ ส่วนเรื่องนี้ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาหลัก ระหว่าง ปตท.กับ กฟผ.เพราะเป็นคนละเรื่องกัน การเจรจากับ ปตท.ก็ยังคงมีต่อเนื่องและ ในฐานะที่ กฟผ. ดูแลต้นทุนค่าไฟฟ้าก็ต้องการให้ต้นทุนก๊าซต่ำเกิดประโยชน์ต่อประชาชนการทำสัญญาปีต่อปีกับ ปตท.จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม . – สำนักข่าวไทย
