กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- ตำรวจเร่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอย่างละเอียด พิสูจน์โครงกระดูกที่พบบนตึกร้างย่านพหลโยธินว่าเป็นใคร เบื้องต้นคาดเป็นเพศชายเสียชีวิตมานานกว่า 6 เดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• พบโครงกระดูกปริศนาในบ่อพักน้ำ อาคารร้าง ถนนรัชดาฯ
• เร่งพิสูจน์ตัวตนโครงกระดูกที่พบบนอาคารร้าง
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีพบโครงกระดูกมนุษย์ บนอาคารร้างเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 62 เวลาประมาณ 15.00 น. พื้นที่ สน.พหลโยธิน โดยได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ว่า โครงกระดูกมนุษย์ที่พบอยู่ในแท้งค์น้ำ บนชั้น 32 อาคารร้างก่า 30 ปีไม่มีชื่อ ด้านหลังสำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาเบาะแสหรือข้อมูลของผู้เสียชีวิตและตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิด ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
ซึ่งจากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบศพ นอนเงยหน้า ใส่กางเกงในหรือกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวอ สภาพศพแห้ง เปื่อยยุ่ย ติดโครงกระดูก สูงประมาณ 165-170 เซนติเมตร ยังไม่สามารถระบุเพศได้(สันนิษฐานว่าเป็นเพศชาย) คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ในบริเวณที่เกิดเหตุพบรองเท้าผ้าใบ ถอดวางเรียงชิด มีผ้าปูวางรองไว้ในลักษณะเรียบร้อย และไม่พบเอกสารหรือบัตรแสดงตัวบุคลแต่อย่างใด โดยพนักงานสอบสวน ได้ส่งศพไปยังนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอย่างละเอียด ประกอบกับตรวจสอบในฐานข้อมูลศูนย์รับแจ้งบุคคลสูญหายพลัดหลง
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนและผลการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะดำเนินการควบคู่กันระหว่างฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน โดยในชั้นนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้มากนัก
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว เป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ และ เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต้องเร่งคลี่คลายคดี
สำหรับพี่น้องประชาชนที่มีข้อมูลหรือทราบเบาะแสของผู้เสียชีวิต สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์ปฏิบ้ติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 1599 หรือ สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน หมายเลข 02-512-2447.-สำนักข่าวไทย