กรุงเทพฯ ส.ค.- จับยกแก๊งอ้างเป็น พ.ต.ท.หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.ดส.บช.น. ใช้ชื่อ “รองตั้ม” หลอกเหยื่อโอนเงินแสน เคลียร์คดียาเสพติด พบก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ได้เงินไปประมาณ 2.5 ล้านบาท
นายกฤษณ์ หรือเอ็ม รอดบุญเกิด อายุ 33 ปี นายสุรศักดิ์ หรือหนึ่ง เกลี้ยงโอวาท อายุ 31 ปี และนายจีรพันธ์ หรือจี ใจก้อนแก้ว อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” โดยจับกุมได้ที่บริเวณหมู่บ้านร่วมใจ หมู่ที่ 9 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อกลางดึกของวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.ดส.บช.น. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.ดส.บช.น. ทำการจับกุมนายนนท์ ผู้ต้องหาคดีครอบยาบ้า 6,000 เม็ด และยาไอซ์ 150 กรัม สมาชิกแก๊งยาเสพติด “แก๊งยันหว่าง” ก่อนส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สน.บางกอกใหญ่ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2562 เวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีบุคคลแอบอ้างเป็น พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.ดส.บช.น. ใช้ชื่อว่า “รองตั้ม” โทรศัพท์ติดต่อไปที่ญาติผู้ต้องหา และใช้กลอุบายพูดหลอกล่อว่าสามารถวิ่งเต้นเคลียร์คดีดังกล่าวได้ แต่ต้องจ่ายเงินจำนวน 100,000 บาท ก่อนที่ญาติผู้ต้องหาจะหลงกลเชื่อว่าสามารถเคลียร์คดีได้จริง จึงโอนเงินให้คนร้ายไปจำนวน 100,000 บาท จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ เมื่อรู้ว่าถูกหลอกจึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางกอกใหญ่
พ.ต.อ.จิรกฤต กล่าวต่อว่า จากนั้นตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไล่ล่าคนร้ายกลุ่มนี้ เพราะพฤติการณ์อุกอาจเป็นภัยอันตรายต่อสังคม และยังเป็นการซ้ำเติมญาติผู้ต้องหาที่เป็นทุกข์อยู่แล้ว จนกระทั่งตามจับ นายจีรพันธ์ หรือจี และนายสุรศักดิ์ หรือหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เรื่องโอนเงิน ก่อนขยายผลไปจับ นายกฤษณ์ หรือเอ็ม หัวหน้าขบวนการดังกล่าวได้ในที่สุด
จากการสอบสวน นายกฤษณ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองเคยถูกจับกุมในคดีฉ้อโกง เมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นพฤติการณ์เดียวกัน โดยตอนนั้นอ้างตัวเป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. สามารถเคลียร์คดีได้ ซึ่งทางญาติผู้ต้องหาได้โอนเงินให้จำนวน 200,000 บาท จนมาถูกตำรวจจับกุม และถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 1 ปี เมื่ออกมาตนก็ทำอาชีพเลี้ยงไก่ขาย แต่รายได้ไม่พอ จึงได้ทำการสุ่มโทรศัพท์ไปยังสถานีตำรวจต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อหาข้อมูลผู้ที่ถูกจับในคดียาเสพติด ก่อนใช้กลอุบายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พูดจาหว่านล้อมทางญาติว่าจะสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีได้ ซึ่งก่อเหตุมานานแล้วกว่า 3 เดือน หลอกผู้เสียหายจำนวน 25 ครั้ง ได้เงินไปประมาณ 2,500,000 บาท ส่วนเงินที่ได้ก็จะนำไปแบ่งกัน แล้วเอาไว้ใช้เที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิงต่างๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางกอกใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนขยายผลตามยึดทรัพย์มาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป.-สำนักข่าวไทย
