กรุงเทพฯ 29 ส.ค. – รมว.อุตฯ ระบุข้อพิพาทเหมืองทองชาตรีจะชัดเจนมากขึ้น ก.ย.นี้ พร้อมมอบนโยบาย กพร.เตรียมความพร้อมแร่หินก่อสร้างให้เพียงพอกับความต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอีอีซี
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวถึงกรณีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทแม่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีจะขอเจรจารัฐบาลไทย เพื่อยุติข้อพิพาทกรณีเหมืองแร่ทองคำชาตรี ว่า บริษัทยังไม่ได้ติดต่อ คาดว่าเรื่องนี้จะมีความคืบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ นายสุริยะ มอบหมาย กพร.จัดหาวัตถุดิบให้เพียงพอแก่ภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะการหาแหล่งหินให้เพียงพอกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เบื้องต้นคาดว่า โครงการก่อสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในอีอีซีจะมีความต้องการใช้แร่หินก่อสร้างช่วง 5 ปีจากนี้ไปไม่ต่ำกว่า 100 ล้านตันต่อปี เพิ่มจากปริมาณการใช้หินก่อสร้างทั่วประเทศ 120 ล้านตันต่อปี มูลค่าประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายประเมินแหล่งแร่ในประเทศให้เทียบกับความต้องการใช้ในอนาคต ตลอดจนนำเทคโนโลยีการรีไซเคิลแร่จากของเสีย ด้านการทำเหมืองแร่ของผู้ประกอบการเหมืองแร่จะต้องถูกต้องตามกฎหมาย มีความรับผิดชอบต่อสังคมชุมชน กพร.เร่งอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการโดยให้พิจารณาอนุญาตประทานบัตรและใบอนุญาตต่าง ๆ ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ด้านผู้ประกอบการที่มีความจำเป็นเรื่องการใช้ประโยชน์พื้นที่ เช่น พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ขอให้ กพร.เร่งดำเนินการ ส่วนกรณีการขออนุญาตสำรวจและทำเหมืองแร่ในพื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมต่อไป
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดี กพร. กล่าวว่า กพร.เสนอนายสุริยะ ช่วยพิจารณาเรื่องปลดล็อคการลงทุนกิจการเหมืองแร่ในเขตพื้นที่ ส.ป.ก.กรณีการลงทุนใหม่ประมาณ 50 แปลง ส่วนใหญ่เป็นเหมืองหิน กระจายทั่วประเทศ เพราะกฎหมายของ ส.ป.ก.ห้ามทำกิจการอื่นนอกจากการเกษตร ส่วนกิจการเหมืองที่เปิดดำเนินการประมาณ 30 แปลงในพื้นที่ ส.ป.ก. ปัจจุบัน ม.44 คุ้มครองอยู่ทำต่อได้จนสิ้นอายุประทานบัตร.-สำนักข่าวไทย