ไม่จบ!! สหภาพฯ ทอท. ยื้อปมโครงการ”เซ็นทรัล วิลเลจ”

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.-ประธานสหภาพแรงงาน ทอท. อ้างปกป้ององค์กรและประเทศชาติ
กรณีการก่อสร้าง ห้างเซ็นทรัล วิลเลจ ในเขตความปลอดภัยทางการบิน ระบุอาจทำไทยโดนธงแดงอีกครั้ง  ขณะที่ ผอ.กพท
.แจงเคยส่งผลตรวจสอบให้ ทอท.แล้ว ระบุเป็นโครงการในที่ดินเอกชน
ความสูงของอาคารไม่กระทบความปลอดภัยการบิน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ นายณัฐวุฒิ​ ทาอินต๊ะ​ ประธานสหภาพ​แรงงาน​
บริษัท​ ท่าอากาศยาน​ไทย​ จำกัด ​(มหาชน) ​(ทอท.) ได้ออกเอกสารแถลงการณ์เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน
ระบุว่า ทอท. อยู่ในสถานะผู้ได้ใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ
พ.ศ.2497 (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2558) มาตรา 60/15
ที่มีการระบุถึงการรักษาสนามบินดูแลการบริการภายในสนามบินอนุญาตให้เป็นไปมาตรฐานที่กำหนดในข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน
ประกอบกับกฎหมายอื่นที่ประกาศกำหนดให้มีหน้าที่ตามคู่มือการดำเนินงานสนามบินที่มีหน้าที่ตรวจสอบ
เฝ้าระวัง และรายงานตามที่ระบุไว้ในคู่มือการดำเนินงานสนามบินทั้งภายในเขตหรือบริเวณใกล้เคียงสนามบิน
อันจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยสนามบิน
รวมทั้งใช้การดำเนินการตามเงื่อนไขท้ายใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ
ที่สนามบินต้องดำเนินการตามกระบวนการที่รัฐกำหนดตามกรณีที่ระบุ เช่นกรณี
Air display .


 นอกจากนี้​
ทอท.ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายในฐานะสนามบินรับรองสาธารณะใช้ดำเนินการ​ ได้แก่ พ.ร.บ.การเดินอากาศ
พ.ศ.2497 (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2558) มาตรา 60/15
หน้าที่ผู้ได้ใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ และมาตรา 58 59 60
เรื่องเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ,
เงื่อนไขและข้อจำกัดประกาศท้ายใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะทุกแห่ง, ข้อบังคับคณะกรรมการการบินพลเรือน
ที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่อง,
Standard
and recommend practices ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International
Civil Aviation Organization – ICAO) ที่รัฐยังออกกฎหมายมาบังคับใช้ไม่ครอบคลุม
ก็จะบูรณาการกับผู้เกี่ยวข้อง
                 

ดังนั้น​ กรณีการก่อสร้างห้างเซ็นทรัล​
วิลเลจ ในเขตความปลอดภัยทางการบินที่
ทอท.มีอำนาจทางกฎหมายทางการบิน
ทอท.จะต้องรับผิดชอบหากไม่ดำเนินการใดๆ เพราะหากมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่กำกับดูแลกิจการการบินแล้วพบว่า
การนำมาตรฐาน
ICAO
มาใช้บังคับในประเทศ (Effective Implementation หรือ EI) ของประเทศไทยไม่เป็นไปตามที่กำหนด
หรือมาตรฐานการบริหารความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทย มีข้อบกพร่อง (ติดธงแดง) จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติมากกว่านี้
ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจสอบไม่ใช่เฉพาะเรื่องความสูงเท่านั้น แต่ยังมี     หลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพราะถึงแม้ว่า
พื้นที่ของเซ็นทรัล วิลเลจ จะอยู่นอกเขตสนามบิน แต่ก็เป็นบริเวณใกล้เคียงสนามบิน (
vicinity
of Aerodrome ) ที่แม้ว่าไม่ได้อยู่ในการกำกับของสนามบินโดยตรง
แต่การที่จะมีผู้ใดที่มีพื้นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสนามบิน โดยเฉพาะในแนวบินร่อนลง
(
take off & approach ) จะมีกิจกรรมใดๆ
หรือใช้พื้นที่ก่อสร้างจะอยู่ภายใต้การกำกับตรวจสอบจากรัฐ (กพท.)
ที่จะต้องตรวจสอบกิจกรรมดังกล่าว ว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบินหรือไม่
โดยนอกจากการตรวจสอบสิ่งก่อสร้างอันเป็นสิ่งกีดขวางในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศแล้ว
ต้องพิจารณา ประเด็นต่างๆคือการรบกวนสัญญาณเครื่องช่วยในการเดินอากาศ,
แสงไฟภายนอกสนามบิน (
non aeronautical light ) อันส่งผลต่อการปฏิบัติการบิน
ที่ต้องมีการควบคุมตามข้อกำหนด
ICAO, กิจกรรมที่อาจเกิดมีควัน
ที่ส่งผลให้ทัศนวิสัยสนามบินลดลง โดยเฉพาะการมองเห็นทางวิ่งในแนวร่อนลง, กิจกรรมที่อาจนำไปสู่การนำนกมาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว, 
Laser emission free zone ที่ต้องมีการควบคุมออกไปภายนอกสนามบินตามข้อกำหนด
ICAO


กิจกรรมอันส่งผลต่อแผนแม่บทและแผนพัฒนาสนามบิน
โดยเฉพาะส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบหลัก
  ที่สำคัญเรื่องหนึ่งคือ Access
capacity ที่เกิดได้จากบริเวณภายนอกใกล้เคียงสนามบิน
ที่ไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาในการทำแผนแม่บท และถูกกำกับจากรัฐ ตามข้อกำหนด  

 ประธานสหภาพแรงงาน
ทอท.กล่าวด้วยว่า การก่อสร้างห้างเซ็นทรัล วิลเลจ อาจส่งผลกระทบต่อสนามบินของ ทอท.
อันเกิดจากกิจกรรมภายนอกสนามบินแต่ใกล้เคียงสนามบินที่อยู่นอกเหนือภายใต้การกำกับของ
ทอท. จึงขอเสนอให้มีการประชุมหารือในระดับนโยบายสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
โดยเร่งด่วน เพราะหากไม่ดำเนินการใดๆ อาจเข้าข่ายว่า
ทอท.ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ราชพัสดุบริเวณดังกล่าว ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และอาจส่งผล
ให้ประเทศไทยติดธงแดงอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าการก่อสร้างห้างเซ็นทรัล
วิลเลจ  มีการกระทำที่เข้าข่ายผิด
พ.ร.บ.ผังเมืองหลายประการ อาทิ การถมลำรางสาธารณะ การปลูกสร้างอาคารในพื้นที่สีเขียวที่มีพื้นที่ใช้สอยมากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
โดย พ.ร.บ.ผังเมืองกำหนดให้อาคารมีพื้นที่ใช้สอยได้ไม่เกิน 2000 ตารางเมตร
และหากเป็นพื้นที่ตาบอดดังเช่นกรณีนี้ จะปลูกสร้างได้เพียง 200 ตารางเมตร ต่อ 1
ใบอนุญาต
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ใช้สอยสูงสุดของข้อกฎหมายกำหนดไว้ว่าสิ่งปลูกสร้างรวมแล้วต้องไม่เกินร้อยละ
10 ของพื้นที่ ซึ่งในกรณีนี้มีพื้นที่รวมประมาณ 100 ไร่
แต่จากการแถลงข่าวของเซ็นทรัล ทราบว่าห้างเซ็นทรัล วิลเลจ จะมีพื้นที่ใช้สอยราว 4
หมื่นตารางเมตร
คิดเป็น 25 ไร่ หรือร้อยละ 25 ของพื้นที่ทั้งหมด ทั้งนี้สหภาพแรงงาน
ทอท.กำหนดให้มีการประชุมวาระพิเศษเร่งด่วนเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในวันที่ 29 สิงหาคม
2562 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจะนำคณะกรรมการลงตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างต่อไป

ด้านนายจุฬา
สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า
ประเด็นเรื่อง  เซ็นทรัล วิลเลจ นี้ กพท.
ได้เคยตรวจสอบและแจ้งผลให้ ทอท.ทราบแล้วว่า 
โครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่ก่อสร้างของเอกชน และจากการตรวจสอบแบบ ก็พบว่า
แบบก่อสร้างอาคาร ก็มีความความสูง ที่ไม่กระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน โดยแบบมีความสูงที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ด้วยซ้ำ.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]