กรุงเทพฯ 24 ส.ค.-ประธานสหภาพแรงงาน ทอท. อ้างปกป้ององค์กรและประเทศชาติ
กรณีการก่อสร้าง ห้างเซ็นทรัล วิลเลจ ในเขตความปลอดภัยทางการบิน ระบุอาจทำไทยโดนธงแดงอีกครั้ง ขณะที่ ผอ.กพท
.แจงเคยส่งผลตรวจสอบให้ ทอท.แล้ว ระบุเป็นโครงการในที่ดินเอกชน
ความสูงของอาคารไม่กระทบความปลอดภัยการบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ ประธานสหภาพแรงงาน
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้ออกเอกสารแถลงการณ์เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน
ระบุว่า ทอท. อยู่ในสถานะผู้ได้ใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ
พ.ศ.2497 (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2558) มาตรา 60/15
ที่มีการระบุถึงการรักษาสนามบินดูแลการบริการภายในสนามบินอนุญาตให้เป็นไปมาตรฐานที่กำหนดในข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน
ประกอบกับกฎหมายอื่นที่ประกาศกำหนดให้มีหน้าที่ตามคู่มือการดำเนินงานสนามบินที่มีหน้าที่ตรวจสอบ
เฝ้าระวัง และรายงานตามที่ระบุไว้ในคู่มือการดำเนินงานสนามบินทั้งภายในเขตหรือบริเวณใกล้เคียงสนามบิน
อันจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยสนามบิน
รวมทั้งใช้การดำเนินการตามเงื่อนไขท้ายใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ
ที่สนามบินต้องดำเนินการตามกระบวนการที่รัฐกำหนดตามกรณีที่ระบุ เช่นกรณี Air display .
ทอท.ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายในฐานะสนามบินรับรองสาธารณะใช้ดำเนินการ ได้แก่ พ.ร.บ.การเดินอากาศ
พ.ศ.2497 (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2558) มาตรา 60/15
หน้าที่ผู้ได้ใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ และมาตรา 58 59 60
เรื่องเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ,
เงื่อนไขและข้อจำกัดประกาศท้ายใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะทุกแห่ง, ข้อบังคับคณะกรรมการการบินพลเรือน
ที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่อง, Standard
and recommend practices ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International
Civil Aviation Organization – ICAO) ที่รัฐยังออกกฎหมายมาบังคับใช้ไม่ครอบคลุม
ก็จะบูรณาการกับผู้เกี่ยวข้อง
ดังนั้น กรณีการก่อสร้างห้างเซ็นทรัล
วิลเลจ ในเขตความปลอดภัยทางการบินที่ ทอท.มีอำนาจทางกฎหมายทางการบิน
ทอท.จะต้องรับผิดชอบหากไม่ดำเนินการใดๆ เพราะหากมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่กำกับดูแลกิจการการบินแล้วพบว่า
การนำมาตรฐาน ICAO
มาใช้บังคับในประเทศ (Effective Implementation หรือ EI) ของประเทศไทยไม่เป็นไปตามที่กำหนด
หรือมาตรฐานการบริหารความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทย มีข้อบกพร่อง (ติดธงแดง) จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติมากกว่านี้
ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจสอบไม่ใช่เฉพาะเรื่องความสูงเท่านั้น แต่ยังมี หลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพราะถึงแม้ว่า
พื้นที่ของเซ็นทรัล วิลเลจ จะอยู่นอกเขตสนามบิน แต่ก็เป็นบริเวณใกล้เคียงสนามบิน (vicinity
of Aerodrome ) ที่แม้ว่าไม่ได้อยู่ในการกำกับของสนามบินโดยตรง
แต่การที่จะมีผู้ใดที่มีพื้นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสนามบิน โดยเฉพาะในแนวบินร่อนลง
(take off & approach ) จะมีกิจกรรมใดๆ
หรือใช้พื้นที่ก่อสร้างจะอยู่ภายใต้การกำกับตรวจสอบจากรัฐ (กพท.)
ที่จะต้องตรวจสอบกิจกรรมดังกล่าว ว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบินหรือไม่
โดยนอกจากการตรวจสอบสิ่งก่อสร้างอันเป็นสิ่งกีดขวางในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศแล้ว
ต้องพิจารณา ประเด็นต่างๆคือการรบกวนสัญญาณเครื่องช่วยในการเดินอากาศ,
แสงไฟภายนอกสนามบิน (non aeronautical light ) อันส่งผลต่อการปฏิบัติการบิน
ที่ต้องมีการควบคุมตามข้อกำหนด ICAO, กิจกรรมที่อาจเกิดมีควัน
ที่ส่งผลให้ทัศนวิสัยสนามบินลดลง โดยเฉพาะการมองเห็นทางวิ่งในแนวร่อนลง, กิจกรรมที่อาจนำไปสู่การนำนกมาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว, Laser emission free zone ที่ต้องมีการควบคุมออกไปภายนอกสนามบินตามข้อกำหนด
ICAO
กิจกรรมอันส่งผลต่อแผนแม่บทและแผนพัฒนาสนามบิน
โดยเฉพาะส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบหลัก ที่สำคัญเรื่องหนึ่งคือ Access
capacity ที่เกิดได้จากบริเวณภายนอกใกล้เคียงสนามบิน
ที่ไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาในการทำแผนแม่บท และถูกกำกับจากรัฐ ตามข้อกำหนด
ทอท.กล่าวด้วยว่า การก่อสร้างห้างเซ็นทรัล วิลเลจ อาจส่งผลกระทบต่อสนามบินของ ทอท.
อันเกิดจากกิจกรรมภายนอกสนามบินแต่ใกล้เคียงสนามบินที่อยู่นอกเหนือภายใต้การกำกับของ
ทอท. จึงขอเสนอให้มีการประชุมหารือในระดับนโยบายสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
โดยเร่งด่วน เพราะหากไม่ดำเนินการใดๆ อาจเข้าข่ายว่า
ทอท.ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ราชพัสดุบริเวณดังกล่าว ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และอาจส่งผล
ให้ประเทศไทยติดธงแดงอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าการก่อสร้างห้างเซ็นทรัล
วิลเลจ มีการกระทำที่เข้าข่ายผิด
พ.ร.บ.ผังเมืองหลายประการ อาทิ การถมลำรางสาธารณะ การปลูกสร้างอาคารในพื้นที่สีเขียวที่มีพื้นที่ใช้สอยมากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
โดย พ.ร.บ.ผังเมืองกำหนดให้อาคารมีพื้นที่ใช้สอยได้ไม่เกิน 2000 ตารางเมตร
และหากเป็นพื้นที่ตาบอดดังเช่นกรณีนี้ จะปลูกสร้างได้เพียง 200 ตารางเมตร ต่อ 1
ใบอนุญาต
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ใช้สอยสูงสุดของข้อกฎหมายกำหนดไว้ว่าสิ่งปลูกสร้างรวมแล้วต้องไม่เกินร้อยละ
10 ของพื้นที่ ซึ่งในกรณีนี้มีพื้นที่รวมประมาณ 100 ไร่
แต่จากการแถลงข่าวของเซ็นทรัล ทราบว่าห้างเซ็นทรัล วิลเลจ จะมีพื้นที่ใช้สอยราว 4
หมื่นตารางเมตร
คิดเป็น 25 ไร่ หรือร้อยละ 25 ของพื้นที่ทั้งหมด ทั้งนี้สหภาพแรงงาน
ทอท.กำหนดให้มีการประชุมวาระพิเศษเร่งด่วนเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในวันที่ 29 สิงหาคม
2562 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจะนำคณะกรรมการลงตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างต่อไป
ด้านนายจุฬา
สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า
ประเด็นเรื่อง เซ็นทรัล วิลเลจ นี้ กพท.
ได้เคยตรวจสอบและแจ้งผลให้ ทอท.ทราบแล้วว่า
โครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่ก่อสร้างของเอกชน และจากการตรวจสอบแบบ ก็พบว่า
แบบก่อสร้างอาคาร ก็มีความความสูง ที่ไม่กระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน โดยแบบมีความสูงที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ด้วยซ้ำ.-สำนักข่าวไทย