กรุงเทพฯ 11 ส.ค. – รัฐมนตรีเกษตรฯ เจรจาปลดล็อกส่งออกไก่สดไทยไปเกาหลีสำเร็จ คาดส่งออกไก่สดล็อตแรกไม่เกินสิ้นปีนี้ เร่งแจ้งความคืบหน้าผู้ประกอบการไทยวางแผนการผลิตตามออร์เดอร์ที่เคยส่งออกเฉลี่ย 3 – 4 หมื่นตัน/ปี
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายว่า ในโอกาสเดินทางไปสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ 7 – 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้หารือกับนายลี ดอง พิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบท โดยประเด็นหารือที่สำคัญนอกจากจากเร่งรัดการผลักดันให้ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีจัดทำเอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกัน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยและสาธารณรัฐเกาหลีในการอำนวยความสะดวกด้านการค้าสินค้าเกษตร การแก้ไขปัญหาทางเทคนิค รวมทั้งสาขาความร่วมมือด้านการเกษตรที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันแล้ว
นอกจากนี้ ยังใช้โอกาสนี้ติดตามการเปิดตลาดไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง ซึ่งได้รับทราบผลเป็นที่น่าพอใจว่ากระทรวงเกษตรอาหาร และกิจการชนบทจะเร่งจัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกักกันของกระทรวงฯ เดินทางไปตรวจรับรองโรงงานที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการพิจารณาเปิดตลาดไก่สดแช่เย็น/ แช่แข็ง ส่งออกจากไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี โดยคาดว่าจะสามารถส่งออกไก่สดไทยไปยังสาธารณารัฐเกาหลีภายในปี 2559 หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปี 2560 ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะเร่งแจ้งผู้ประกอบการผู้ส่งออกไก่สดแช่เย็น/แช่แข็งของไทยเตรียมวางแผนการผลิต เพื่อรองรับปริมาณการสั่งซื้อจากเกาหลีใต้ที่ไทยเคยส่งออกเฉลี่ย 30,000 – 40,000 ตัน/ปี เหมือนที่ผ่านมา
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ไทยเคยเป็นผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ปีกหลักไปยังสาธารณรัฐเกาหลี แต่หยุดการส่งออกไปตลาดนี้ตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากปัญหาการระบาดของไข้หวัดนก ปัจจุบันสาธารณรัฐเกาหลียังมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้าไก่สดแช่เย็น/แช่แข็งจากต่างประเทศ เช่น บราซิล และสหรัฐอเมริกา เกือบร้อยละ 95 ของการนำเข้ารวม ดังนั้น นับเป็นโอกาสดีไทยจะกลับมาส่งออกเนื้อสัตว์ปีกสดแช่เย็น/แช่แข็งไปสาธารณรัฐเกาหลี เนื่องจากประเทศไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องระยะเวลาขนส่งสินค้า โดยปี 2554 – 2557 สาธารณรัฐเกาหลีนำเข้าไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง โดยเฉลี่ยประมาณ 115,000 ตันต่อปี และปี 2558 คาดว่าการบริโภคไก่ในสาธารณรัฐเกาหลีจะอยู่ที่ประมาณ 864,000 ตัน เพิ่มจากปี 2557 ประมาณร้อยละ 1.5 โดยจะเป็นการบริโภคไก่ที่ผลิตได้ในประเทศประมาณ 749,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 87 และไก่นำเข้าประมาณ 115,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 13
สำหรับสินค้าอีกชนิดที่เจรจาขอรับการสนับสนุนจากเกาหลี คือ การเปิดตลาดนำเข้ามะม่วงพันธุ์มหาชนกของไทย ซึ่งความคืบหน้ากระบวนการพิจารณาการเปิดตลาดมะม่วงพันธุ์มหาชนกขณะนี้อยู่ขั้นตอนที่ 5 จากทั้งหมด 8 ขั้นตอน สำหรับสาธารณรัฐเกาหลีเป็นตลาดคู่ค้ามะม่วงอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยปี 2558 นำเข้ามะม่วงจากไทยมูลค่าประมาณ 660 ล้านบาท สาธารณรัฐเกาหลีนำเข้าผลไม้สดหลายชนิดจากต่างประเทศปี 2557 ผลไม้สดที่มีการนำเข้ามากที่สุด คือ มะม่วงอบไอน้ำจากไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 90 ของปริมาณผลไม้นำเข้าทั้งหมด ปัจจุบันไทยส่งออกมะม่วงไปสาธารณรัฐเกาหลี 3 สายพันธุ์ (น้ำดอกไม้ หนังกลางวัน แรด) สาธารณรัฐเกาหลีนำเข้ามะม่วงจากประเทศไทยมากเป็นอันดับ 2 รองจากฟิลิปปินส์ โดยมีปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ส่วนแบ่งตลาดมะม่วงที่นำเข้าจากไทยคิดเป็นร้อยละ 45 ของปริมาณการนำเข้ามะม่วงทั้งหมดของสาธารณรัฐเกาหลี ผลไม้อื่นที่ผู้นำเข้าเห็นว่ามีศักยภาพในตลาดสาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่ ลำไย ส้มโอ และเงาะ.-สำนักข่าวไทย
