บรรจุอัฐิทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทยที่เกาหลีใต้

Rod Asanapan, Korean War Thai veteranเครดิตภาพ : Yonhap News

ปูซาน 12 พ.ย.- เกาหลีใต้จัดพิธีบรรจุอัฐิทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทยให้แก่ จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทยคนแรกที่ได้รับการบรรจุอัฐิในสุสานอนุสรณ์สถานแห่งสหประชาชาติในเมืองปูซาน


ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีประจำประเทศไทยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น. สำนักงานบริหารสุสานอนุสรณ์สหประชาชาติในเกาหลีได้จัดพิธีบรรจุอัฐิทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีรำลึกถึงทหารผ่านศึกสงครามเกาหลี Turn Toward Busan ในพิธีมีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คน ประกอบด้วยบุตรสาวของ จ.ส.อ. รอด (นางสมทรง เจริญพงศ์อนันต์) และหลานสาว (นางสาวจิรัชญา เจริญพงศ์อนันต์) นางคัง จองเอ รัฐมนตรีกระทรวงรักชาติและกิจการทหารผ่านศึก เกาหลีใต้ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐเกาหลี รวมถึงทหารผ่านศึกและครอบครัวที่เดินทางไปเข้าร่วมโครงการเยือนเกาหลี และนักศึกษาจากคณะอาสาสมัครสันติภาพสหประชาชาติ

Cremation Ceremony for Rod Asanapan
Cremation Ceremony for Rod Asanapan

จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ เป็นทหารผ่านศึกชาวไทยที่อาสาเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลีระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 ถึง 28 ตุลาคม พ.ศ. 2496 เพื่อปกป้องอิสรภาพและสันติภาพของเกาหลีใต้ โดยสังกัดกองพัน “พยัคฆ์น้อย” ซึ่งเป็นชื่อของทหารไทยที่เข้าร่วมสงครามเกาหลีที่ขึ้นชื่อในเรื่องความกล้าหาญและความว่องไว และได้รับเหรียญชัยสมรภูมิจากรัฐบาลไทยถือเป็นเกียรติแก่ทหารที่ปฏิบัติราชการสงคราม การบรรจุอัฐิของ จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ ทำให้สุสานอนุสรณ์สถานแห่งสหประชาชาติแห่งนี้มีทหารผ่านศึกทั้งหมด 2,330 นายจาก 14 ประเทศ


Cremation Ceremony for Rod Asanapan

จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2465 และจากไปอย่างสงบในวัย 100 ปี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ก่อนวันเกิดครบรอบ 101 ปีเพียง 2 เดือนเท่านั้น เคยเดินทางไปเกาหลีเมื่อปีที่ผ่านมาในโครงการเยี่ยมเยียนเกาหลีของทหารผ่านศึกเกาหลี (Revisit Program) และได้แสดงความปรารถนาที่จะบรรจุอัฐิของตนในสุสานอนุสรณ์สถานแห่งสหประชาชาติแห่งนี้ หลังจากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการจัดการนานาชาติเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

Rod Asanapan, Korean War Thai veteran

ด้านครอบครัวของ จ.ส.อ. รอด เผยว่า มีความรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง จ.ส.อ.รอดมักเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงสงครามเกาหลีให้ครอบครัวฟังเสมอ เมื่อเวลาผ่านไปครอบครัวจึงตระหนักได้ว่าการเสียสละที่ท่านและเพื่อนทหารได้ทำนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด  ท่านเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับระเบียบวินัย ความซื่อสัตย์ และความยุติธรรมเป็นอย่างมาก รวมถึงให้ความสำคัญกับการแบ่งปันความสุขให้กับครอบครัวและผู้อื่นรอบตัวเสมอ.-814.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก