คปภ.เร่งประกันจ่ายสินไหมรถตู้ชนรถพ่วง 18 ล้อ ที่สระแก้ว

กรุงเทพฯ 19 ส.ค. –  คปภ.เร่งประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีรถตู้ชนรถพ่วง 18 ล้อ แรงงานชาวลาว-คนไทย เสียชีวิต 12 บาดเจ็บ 3 ราย ที่จังหวัดสระแก้ว


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถตู้หมายเลขทะเบียน 34-0405 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ (หัวลาก) ทะเบียน 70-1234 อุตรดิตถ์ และ (ตัวพ่วง) ทะเบียน 70-1235 อุตรดิตถ์ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอวังสมบูรณ์ ตำบลวังใหม่ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย และมีผู้เสียชีวิต 12 ราย โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 12 ราย เป็นคนไทยที่ขับรถตู้ 1 ราย และอีก 11 ราย เป็นแรงงานชาวลาวที่นั่งโดยสารมากับรถตู้คันที่ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2562 


เบื้องต้นได้สั่งการให้สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดสระแก้ว รายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และให้ประสานความร่วมมือกับบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนลงพื้นที่อำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งติดตามและตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 12 ราย ที่เป็นคนไทยและแรงงานต่างด้าวชาวลาวได้มีการทำประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุประเภทกลุ่มไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดสระแก้ว ว่า รถตู้หมายเลขทะเบียน 34-0405 กรุงเทพมหานคร ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 12722-61208/กธ/6254507 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 ธันวาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง 31 ธันวาคม 2562 และทำประกันภัยรถภาคสมัครใจไว้กับบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 61-1-2702138 เริ่มคุ้มครองวันที่ 12 ตุลาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 12 ตุลาคม 2562 โดยให้ความคุ้มครองชีวิต ร่างกาย อนามัย บุคคลภายนอก 300,000 บาทต่อคน หรือ 10,000,000 บาทต่อครั้ง กรณีความคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก 600,000 บาทต่อครั้ง กรณีเสียหายต่อรถยนต์ 330,000 บาทต่อครั้ง ประกันอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร 100,000 บาทต่อคน  ค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาทต่อคน โดยคุ้มครองผู้ขับขี่ 1 คน ผู้โดยสาร 14 คน และคุ้มครองประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาทต่อครั้ง


สำหรับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ (หัวลาก) ทะเบียน 70-1234 อุตรดิตถ์ ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 06386-61502/กธ/4528361 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 ธันวาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 10586-61502/กธ/032791-10 เริ่มคุ้มครองวันที่ 25 ตุลาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 25 ตุลาคม 2562  โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก กรณีเสียหายต่อชีวิตร่างกายหรืออนามัย (เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ.) 300,000 บาทต่อคน หรือ10,000,000 บาทต่อครั้ง กรณีความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก 1,000,000 บาทต่อครั้ง กรณีความเสียหายต่อรถยนต์ 2,000,000 บาทต่อครั้ง ในส่วนของประกันอุบัติเหตุ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาทต่อคน โดยคุ้มครองผู้ขับขี่ 1 คน ผู้โดยสาร 2 คน และคุ้มครองการประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาท ต่อครั้ง ส่วน (ตัวพ่วง) ทะเบียน 70-1235 อุตรดิตถ์ ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 06386-61502/กธ/4528362 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 ธันวาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 10586-61502/กธ/032792-10 เริ่มคุ้มครองวันที่ 25 ตุลาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 25 ตุลาคม 2562 โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกกรณีเสียหายต่อชีวิตร่างกายหรืออนามัย (เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ.) 300,000 บาทต่อคน หรือ 10,000,000 บาทต่อครั้ง กรณีความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก 600,000 บาทต่อครั้ง กรณีความเสียหายต่อรถยนต์ 450,000 บาทต่อครั้ง

สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต 12 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย นั้น จากการติดตามอย่างใกล้ชิดทราบว่าผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่เป็นคนไทยและเป็นผู้ขับรถตู้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดระยอง และทางครอบครัวจะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดระยอง ดังนั้น สำนักงาน คปภ.จังหวัดสระแก้ว จึงประสานไปยังสำนักงาน คปภ.จังหวัดระยอง อำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับญาติผู้เสียชีวิตรายดังกล่าวแล้ว ในส่วนผู้เสียชีวิต 11 ราย ที่เป็นแรงงานต่างด้าวชาวลาวนั้น ได้มีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเกี่ยวกับการออกเอกสารต่าง ๆ ของผู้เสียชีวิต เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยประสานกับบริษัทประกันภัย รวมทั้งเร่งรัดเรื่องการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้มีความรวดเร็วและเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทนต่อไป ในส่วนผู้บาดเจ็บ 3 รายนั้น มีบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ทางสำนักงาน คปภ.ได้มีการประสานแจ้งสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาลกับทางญาติของผู้บาดเจ็บและโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากอุบัติเหตุครั้งนี้ผู้บาดเจ็บที่โดยสารมากับรถตู้จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามจ่ายจริงและค่าเสียหายที่จ่ายจริงตาม พ.ร.บ. ไม่เกิน 80,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลตามสัญญาแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ 50,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายตามมูลละเมิดตามความเสียหายที่แท้จริงจากกรมธรรม์ภาคสมัครใจในส่วนของความรับผิดต่อบุคคลภายนอกไม่เกิน 300,000 บาท ส่วนผู้ขับรถตู้คนไทยที่เสียชีวิต เบื้องต้นจะได้รับค่าสินไหมทดแทน 135,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท และจากสัญญาเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุ (PA) จำนวน 100,000 บาท

สำหรับผู้โดยสารที่เป็นแรงงานต่างด้าวชาวลาวทั้ง 11 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละไม่ต่ำกว่า 700,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 300,000 บาท สัญญาเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุ (PA) จำนวน 100,000 บาท และความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกจากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ จำนวน 300,000 บาท ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนกำลังเร่งดำเนินการสรุปผลคดีเพื่อประกอบการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

หาชมยาก เปิดสะพานกรุงเทพให้เรือผ่าน แห่งเดียวในไทย

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – เป็นอีกครั้งที่สะพานกรุงเทพ ยกขึ้นเพื่อให้เรือผ่าน ปัจจุบันเป็นสะพานแห่งเดียวในไทยที่ยังคงใช้งานเปิด-ปิดได้ โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำคัญตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันมีเรือที่ผ่านน้อยลง ทำให้การยกเปิดแต่ละครั้งได้รับความสนใจ เพราะเป็นภาพที่หาชมได้ไม่บ่อย.-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” ระงับนําเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย

กัมพูชา 22 มิ.ย. – “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง-ก๊าซทุกชนิดจากไทย เริ่มเที่ยงคืนนี้ มั่นใจบริษัทในกัมพูชาหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นให้ประชาชนได้เพียงพอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ระบุว่า บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้จะเป็นเดือน แม้ตลอดไปก็ไม่ใช่ปัญหา เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย.68) การนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกหยุด.-สำนักข่าวไทย

กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจ นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน

22 มิ.ย. – กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ ที่ จ.สระแก้ว ตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ บริเวณจุดตรวจ ค.04 อ.คลองหาด มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กองกำลังบูรพา และกองร้อยทหารพราน พร้อมสุนัข K9 ยังคงเดินหน้าควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาจจะพากันทะลักเข้า-ออก หลังจากที่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่มีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เดินเท้าลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บรรยากาศชายแดนหาดเล็กเงียบเหงาด้านบริเวณชายแดนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ มีเพียงรถบรรทุกสินค้าทั่วไปรอคิวผ่านแดนข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา เจ้าของร้านค้าในพื้นที่ เล่าว่า บรรยากาศเงียบเหงามาก วันๆ แทบไม่มีคนซื้อของ ถ้าถามความรู้สึกว่าเดือดร้อนไหม บอกเลยว่ายอมเดือดร้อนดีกว่าเสียดินแดนซ้ำอีก ถ้าจะปิดด่านก็ปิดได้เลย เอาดินแดนไว้ก่อนดีกว่า ส่วนบริเวณด่านถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ […]

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]