กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – เงินบาทแข็งค่า ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยถูกฉุดจากปัจจัยภายในและปัจจัยต่างประเทศ
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยเงินบาทได้รับแรงหนุนในช่วงต้นสัปดาห์จากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ประกอบกับตลาดมีความกังวลต่อสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนมากขึ้น เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ แม้ว่าจะมีจังหวะอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ หลังกนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ยนอกเหนือการคาดการณ์ของตลาดลงมาที่ 1.50% โดยเงินบาทน่าจะมีแรงหนุนบางส่วนจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ของผู้ส่งออก จังหวะการเข้าซื้อพันธบัตรไทยของต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ และทิศทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ขณะที่สกุลเงินในภูมิภาคบางส่วนเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากที่อ่อนค่าลงตามเงินหยวนในช่วงต้นสัปดาห์ โดยในวันศุกร์ (9 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.81 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 ส.ค.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-16 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.50-30.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดยังคงรอติดตามทิศทางค่าเงินหยวน สถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และประเด็นเรื่อง BREXIT ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาสินค้านำเข้า-ส่งออก ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดค้าปลีก และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน ก.ค. ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ส.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนอาจรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ก.ค.ของจีนด้วยเช่นกัน
ดัชนีหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากหลากหลายปัจจัย โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,650.64 จุด ลดลง 2.02% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65,053.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.03% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 1.54% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 357.63 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนตามแรงกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงานตามทิศทางของราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารหลัง กนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองในประเทศก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดในช่วงปลายสัปดาห์
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-16 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,635 และ 1,625 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,675 และ 1,685 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ สถานการณ์ในประเทศ พัฒนาการของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงประเด็นความเสี่ยง BREXIT ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. รวมถึงผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือน ส.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/62 (เบื้องต้น) ของยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ของจีน . – สำนักข่าวไทย