นนทบุรี 9 ส.ค. – พาณิชย์ดึง 10 ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ เข้าร่วมโครงการสถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร หวังคุ้มครองผู้บริโภค
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เห็นความสำคัญของการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีนโยบายให้กรมการค้าภายในพัฒนาการกำกับดูแลงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการคุ้มครองดูแลและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการกว่า 6,000 แห่งทั่วทั้งประเทศตามเส้นทางหลัก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดที่มีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ใช้รถยนต์ซึ่งแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับกรมการค้าภายในได้ดำเนินการ “โครงการสถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร” มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2546 จนถึงปัจจุบัน และมีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นการสร้างเครือข่ายและสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถกำกับดูแลสถานีบริการน้ำมันของตนเองได้อย่างถูกต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย มีประสิทธิภาพ และเป็นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีความสามารถในการแข่งขันทางการค้า อีกทั้งยังส่งผลให้การกำกับดูแลมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการมีความถูกต้องเที่ยงตรงมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมมาตรวัดฯ ทั่วทั้งประเทศได้ในระยะเวลาอันสั้น กระทรวงพาณิชย์จึงจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กับผู้ประกอบการค้าน้ำมัน 10 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พี โอ ออยล์ จำกัด
สำหรับวัตถุประสงค์ในการลงนามครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้รับปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อจากสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้าร่วมโครงการครบเต็มจำนวนลิตร และเกิดความตระหนักว่าผู้บริโภคได้รับความคุ้มครอง ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีบริการ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการรักษาความเป็นธรรมทางการค้า และเป็นการสร้างมาตรฐานให้การกำกับดูแลมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงมีความถูกต้องเที่ยงตรงและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล
“กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าหลังลงนาม MOU ครั้งนี้จะทำให้ประชาชนผู้ใช้รถมีความมั่นใจเติมน้ำมันจากสถานีบริการที่เข้าร่วมโครงการสถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร ทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการให้มีความถูกต้องเที่ยงตรงและครอบคลุมสถานีบริการที่มีอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงประชาชนผู้ใช้รถได้รับความเป็นธรรมในการใช้บริการ หากพบการไม่ได้รับความเป็นธรรมเติมน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ” นายจุรินทร์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย