กรมชลฯ เร่งพัฒนาลำน้ำชีแก้วิกฤติแล้ง

กรุงเทพฯ 4 ส.ค. – กรมชลฯ เดินหน้าแก้ไขปัญหาลำน้ำชีขาดน้ำ จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพัฒนาแก้มลิง 11 แห่ง เพิ่มความจุให้เสร็จภายในกันยายนนี้ พร้อมเตรียมแผนพัฒนาแก้มลิงเพิ่มอีกกว่า 100 แห่ง และเร่งสร้างอ่างเก็บน้ำอีก 6 แห่ง หวังสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำให้กับลุ่มน้ำชีอย่างยั่งยืน


นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้เร่งแก้ไขปัญหาสภาพน้ำตื้นเขินในลำน้ำชี เนื่องจากฝนตกน้อยกว่าค่าปกติ ด้วยการระบายน้ำจากเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ และเขื่อนอุบลรัตน์  จ.ขอนแก่น รวมทั้งเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนมหาสารคามและเขื่อนร้อยเอ็ดลงสู่ลำน้ำชี เพื่อให้สถานีสูบน้ำสำหรับการประปาที่อยู่ตลอด 2 ข้างลำน้ำชี มีน้ำเพียงพอผลิตน้ำประปาและการอุปโภคบริโภค ตลอดจนการรักษาระบบนิเวศของลำน้ำ นอกจากนี้ ยังนำเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปขุดลอกเปิดทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำไปยังพื้นที่ขาดแคลนได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชน ขอความร่วมมือเกษตรกรชะลอการปลูกข้าวออกไป เนื่องจากจะต้องสำรองน้ำไว้เพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นอันดับหนึ่ง


นอกจากนี้ ภายในเดือนกันยายน 2562 กรมชลประทานและหน่วยงานทหารพัฒนาจะเร่งพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณ 2 ฝั่งลำน้ำชีให้เสร็จ 11 แห่ง อาทิ การขุดลอกอ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน อ่างเก็บน้ำหนองบ่อ และอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ จ.มหาสารคาม เป็นต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำรองรับฝนระลอกใหม่ที่กำลังจะมาถึงให้ได้มากที่สุด หากเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้อีกประมาณ 1.34 ล้าน ลบ.ม. สำหรับใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งถัดไป  

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า แหล่งน้ำหลักของประชาชนและเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และยโสธร คือ ลำน้ำชีและหนองน้ำสาธารณะที่กระจายอยู่โดยรอบ ซึ่งมักจะประสบปัญหาน้ำล้นตลิ่งในช่วงฤดูน้ำหลาก และน้ำแห้งขอดในช่วงฤดูแล้งเป็นประจำ ดังนั้น การพัฒนาปรับปรุงเพิ่มความจุให้กับแก้มลิงหรือหนองน้ำสาธารณะจะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับราษฎรได้ โดยที่ผ่านมากรมชลประทานพัฒนาปรับปรุงแก้มลิงพร้อมอาคารประกอบ เพื่อเพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำไปแล้ว 138 แห่ง สามารถเก็บน้ำได้ถึง 136 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 113,236 ไร่


อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่ายังมีหนองน้ำสาธารณะและแก้มลิงกระจายอยู่ 2 ฝั่งลำน้ำชีอีกกว่า 100 แห่ง ที่ยังสามารถพัฒนาเพิ่มความจุให้เต็มศักยภาพได้อีก เช่น แก่งละว้า สามารถเพิ่มความจุจากเดิมประมาณ 46 เป็น 48 ล้าน ลบ.ม. แก่งน้ำต้อน สามารถเพิ่มความจุจาก 5 เป็น 14 ล้าน ลบ.ม. และบึงกุดเค้า สามารถเพิ่มความจุจาก 22 เป็น 30 ล้าน ลบ.ม. เป็นต้น ซึ่งภายในปี 2565 สำนักงานชลประทานที่ 6 และ 7 จะดำเนินโครงการพัฒนาแก้มลิงพร้อมอาคารประกอบอีก 129 แห่ง คาดว่าจะสามารถเก็บกักน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพประมาณ 258 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์มากถึง 171,583 ไร่

นายทองเปลว กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากความพยายามในการพัฒนาแหล่งเก็บน้ำเดิมแล้ว กรมชลประทานยังมีโครงการพัฒนาแหล่งเก็บน้ำใหม่ควบคู่ไปด้วย  โดยปีนี้มีโครงการอ่างเก็บน้ำที่กำลังก่อสร้างในเขตจังหวัดชัยภูมิ 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำสะพุง อ.หนองบัวแดง อ่างเก็บน้ำลำน้ำชี อ.บ้านเขว้า และอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร อ.หนองบัวระเหว หากโครงการเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้รวมกันประมาณ 160 ล้าน ลบ.ม. และมีพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 127,000 ไร่ ขณะนี้ก้าวหน้าไปแล้วประมาณร้อยละ 50 นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2562-2565 จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เพิ่มอีก 3 แห่ง  ได้แก่ อ่างเก็บน้ำพระอาจารย์จื่อ  อ่างเก็บน้ำห้วยจอมแก้ว และอ่างเก็บน้ำลำเจียง ความจุรวมกันประมาณ 74 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มพื้นที่รับประโยชน์ได้ถึง 49,000ไร่ 

“ลำน้ำชีมีความยาวตลอดลำน้ำถึง 1,047 กิโลเมตร ไหลผ่านจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ไปจนถึงยโสธร และบรรจบกับแม่น้ำมูลที่จังหวัดอุบลราชธานี ตลอดลำน้ำมีแหล่งเก็บน้ำช่วยชะลอน้ำอยู่บ้าง แต่ไม่มากพอและหลายแห่งตื้นเขิน ทำให้เกิดภาวะวิกฤติทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้งแทบทุกปี จำเป็นต้องวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อความมั่นคงเรื่องน้ำให้กับลุ่มน้ำชีอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เสียใจ “เจจูแอร์” ไถลออกรันเวย์ สั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

นายกฯ แสดงความเสียใจเหตุเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์ไฟลุกท่วม พร้อมสั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

“บิ๊กต่าย” สั่งขยายผลแก๊งทำคอนเทนต์ รุมแกล้ง “แบงค์ เลสเตอร์”

“บิ๊กต่าย” สั่งการขยายผลกระทำผิดของแก๊งทำคอนเทนต์ ที่รุมแกล้ง “แบงค์ เลสเตอร์” ทั้งในอดีตและปัจจุบัน หากการกระทำไหนเข้าข่ายความผิด ก็ดำเนินคดีตามกฎหมายในทุกกรณี

28 dead as jet carrying 181 people crashes while landing in S. Korea's Muan

เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเกาหลีใต้ชนหลังออกนอกรันเวย์

โซล 29 ธ.ค.- เครื่องบินของสายการบินเชจูแอร์ (Jeju Air) ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาหลีใต้ ลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหรือรันเวย์ และชนกับรั้วกั้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้ รายงานว่า ตำรวจและนักดับเพลิงในเกาหลีใต้แจ้งว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.07 น. วันนี้ตามเวลาเกาหลีใต้ ตรงกับเวลา 07.07 น. วันนี้ตามเวลาไทย เมื่อเครื่องบินของเชจูแอร์ เที่ยวบิน 7ซี2216 (7C2216) นำผู้โดยสาร 175 คน ลูกเรือ 6 คน เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 288 กิโลเมตร เครื่องบินลื่นไถลออกนอกรันเวย์และชนกับรั้วกั้น เป็นเหตุให้เครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างหนักและเกิดไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน ทั้งหมดนั่งอยู่ที่ส่วนท้ายของเครื่องบิน คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับจากไทย มีเพียง 2 คนที่เป็นชาวไทย เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟที่ไหม้ครื่องบินได้แล้ว และกำลังปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย รวมทั้งเริ่มการสืบสวนสอบสวน ณ […]