รร.รามาการ์เดนท์ 30 ก.ค.- พี่สาวประสานเสียงโต้ข่าว พันเอก ดราม่า ปมอุ้มแม่ หวังมรดก 300 ล้านบาท งัดหลักฐานแจงยิบ ดูแลแม่ตลอดกว่า 30 ปี ปัดไม่เกี่ยวข้องมรดกก้อนใหญ่ เพราะถูกตัดสิทธิไปแล้ว เผย ร้องศาลขอเป็นผู้อนุบาลเพราะ น้องชายแอบนำที่ดินบางแปลงไปขาย
จากกรณีที่ พันเอกโยธิน อัศวเมธ ได้เข้าร้องทุกข์กับตำรวจ สน.บางชัน ว่าผู้เป็นแม่อายุ 86 ปี และเป็นโรคอัลไซเมอร์ ถูกพี่สาวอุ้มตัวออกจากบ้านพักย่านทุ่งสองห้อง ไปขังไว้ที่บ้านย่านรามคำแหง โดยคาดว่าสาเหตุอาจจะมาจากประเด็นมรดกมูลค่านับร้อยล้านบาท ของผู้เป็นแม่ที่อยู่ระหว่างในขั้นตอนของการฟ้องร้องคดี
ล่าสุดวันนี้ นางสาวสุนี เจริญวิจิตรศิลป์ และนางพรกมล โพธิ์นฤมิต พี่สาวของพันเอกโยธิน ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงเรื่องราวต่างๆ โดยเปิดเผยว่า พี่สาวซึ่งรวมตัวกัน 4 คน ได้ไปยื่นต่อศาลขอ เป็นผู้อนุบาลแม่ และศาลมีคำสั่งศาลเมื่อวันที่18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เป็นสาเหตุที่พี่ ๆ ดำเนินการดังกล่าว พร้อมอ้างชนวนเหตุมาจากที่ก่อนหน้านี้ พันเอกโยธิน ได้มีการจำหน่ายจ่ายโอนที่ดินสองแปลงของแม่ ซึ่งรวมถึงบ้านพักที่อาศัยอยู่ไป ราคาหลักล้านบาท โดยที่ครอบครัวไม่ทราบเรื่องมาก่อน นอกจากนี้ยังมีที่ดินบางแปลงของคุณแม่ที่เหลืออยู่ ทางครอบครัวต้องการพิทักษ์ทรัพย์เหล่านี้จึงดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยย้ายแม่มา อยู่ที่บ้านย่านรามคำแหงเรียกว่าบ้านกลาง เพื่อให้คนในครอบครัวไปเยี่ยมแม่ได้ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยดูฤกษ์วันว่าเป็นมงคล ประกอบกับเห็นว่าแม่มีอาการป่วย จึงได้นำตัวไปพบแพทย์ และพบว่าติดเชื้อไวรัสและเป็นโรคโลหิตจาง โดยได้นำไปรับรองแพทย์มาแสดงต่อสื่อมวลชน
ส่วนที่ว่า วันที่ย้ายแม่ ตรงกับช่วงที่จะมีการอ่านคำพิพากษาคดีมรดก 300 ล้าน ตนเองยืนยันว่าทางครอบครัวไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการอ่านในวันดังกล่าว แต่ทราบเพียงว่ามีคดีดังกล่าวจริง แต่ในชั้นอุทธรณ์แม่ได้ถูกตัดความเป็นญาติ จึงเข้าใจว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของมรดกดังกล่าว หรือถ้าทางพันเอกโยธิน ทราบว่ามีจริง ก็ให้นำเอกสารเหล่านี้ออกมาแสดง
ส่วนเรื่องของการเลี้ยงดูแม่นั้น ยืนยันว่า พี่สาวได้สลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาดูแลตลอดระยะเวลา 30 ปี ขณะที่น้องชาย และภรรยาเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังที่แม่อยู่ ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2561 ไม่ได้มีการเลี้ยงดู เป็นระยะเวลา 10 ปี ตามที่กล่าวอ้าง เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ พี่สาวจะเป็นผู้รับผิดชอบ และมีพี่น้องหลายคนช่วยกันสมทบมา เฉลี่ยเดือนหนึ่งค่าใช้จ่ายดูแม่ อยู่ที่ 3-4 หมื่นบาท บางเดือนที่เคยมีการจ้างคนดูแลแม่ และแม่บ้านค่าใช้จ่าย ก็สูงถึง 7 หมื่นบาท ขณะที่น้องชาย จะมีการซื้ออาหารเข้ามาทำให้รับประทานเท่านั้น
ทั้งนี้การนำแม่ไปดูแลพี่บ้านกลางก็พบว่าสุขภาวะและสุขภาพจิตของแม่ดีขึ้น โดยได้มีการเชิญนักกายภาพ รวมถึงแพทย์มาตรวจสถานที่ว่าเหมาะสมหรือไม่ ยืนยันไม่เคยมีการกีดกันให้น้องชายเข้าเยี่ยมแม่ โดยก่อนหน้านี้ได้โทรศัพท์ไปบอกแล้ว แต่พี่สาวกลับถูกข่มขู่กลับมาและพบว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ พยายามมากดออด ที่บ้านหลายครั้ง ทำให้ครอบครัวและคนที่อยู่ละแวกใกล้เคียง ต่างหวาดกลัว ทั้งนี้ยืนยัน ที่ผ่านมาถูกข่มขู่คุกคามหลายครั้ง ได้แจ้งความเป็นหลักฐานแล้ว และหลังจากนี้ หากมีการกระทำในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก จะฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย
