กรุงเทพฯ 28 ก.ค. – กรมชลประทานระดมเครื่องจักร เครื่องมือ ช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำทั่วประเทศ
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า หลายพื้นที่ในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ จากสถานการณ์ฝนตกน้อยกว่าค่าปกติตั้งแต่ช่วงต้นฤดูฝนที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกไปแล้วกำลังประสบปัญหาการขาดน้ำเพื่อการเกษตร กรมชลประทานมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งดังกล่าว จึงได้ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ และเครื่องสูบน้ำ เข้าไปช่วยเหลือ อาทิ จังหวัดเชียงราย สำนักงานชลประทานที่ 2 ทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง เพื่อทำการสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปีกว่า 2,000 ไร่ ในพื้นที่ตำบลเวียงชัย อำเภอเวียงชัย อีกทั้งยังขุดลอกหนองกู่แก้วหนองแดง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรอีกกว่า 200 ไร่
จังหวัดบุรีรัมย์ โครงการชลประทานบุรีรัมย์ ยังคงเดินหน้าผันน้ำจากเหมืองหินของโรงโม่หินบุรีรัมย์-รัชดา โรงโม่หินอึ่งทงกี่ และโรงโม่หินบุรีรัมย์ เพื่อส่งน้ำเข้าสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด และอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ทั้งนี้ ยังได้รับความร่วมจากกองกำลังทหาร จิตอาสา นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ ร่วมกันบรรจุกระสอบทรายวางตามแนวคลอง และขุดลอกคลอง LMC พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ บริเวณห้วยตะขาบ เพื่อช่วยยกระดับน้ำส่งเข้าคลอง จำนวน 4 เครื่อง ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และเพิ่มปริมาณการสำรองน้ำดิบสำหรับการผลิตประปาในพื้นที่เมืองบุรีรัมย์ได้มากพอสมควร
นอกจากนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง ยังได้ทำการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำจังหันไปยัง อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก วันละประมาณ 65,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันปริมาณน้ำยังคงไหลถึงท่อลอดบริเวณกม.16+700 บ้านบ่อโพธิ์ ตำบลสำโรงใหม่ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ และจนถึงขณะนี้มีการส่งสะสมไปแล้วประมาณ 1,625,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมกันนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่นำสังกะสีมากั้นขวางลำน้ำแล้ว และจังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานชลประทานที่ 3 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล ทำการสูบน้ำจากบึงมาย เพื่อส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่กำลังได้รับความเสียหายจากภัยแล้งกว่า 2,000 ไร่
ทั้งนี้ หากมีปริมาณฝนตกชุกลงมาอย่างสม่ำเสมอจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ เพิ่มขึ้น ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนและเกษตรกรร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด และใช้น้ำตามรอบเวรตนเองอย่างเคร่งครัด และหากพบว่าพื้นที่ใดประสบกับปัญหาเรื่องน้ำในการอุปโภคบริโภค และการเกษตร สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านได้ตลอดเวลา หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460.-สำนักข่าวไทย