หอประชุม ทีโอที 26 ก.ค.- “พล.อ.ประยุทธ์” ย้ำ ไม่เคยเตรียมการรัฐประหาร แต่เพราะสถานการณ์ความไม่สงบในขณะนั้น จึงต้องตัดสินใจ ย้อนถามบางคนรับผิดชอบอะไรบ้าง อย่าเอาแต่นั่งยิ้มเยาะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องงบประมาณของกระทรวงกลาโหม และเรื่องการท่องเที่ยว ในการประชุมรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาล ได้พาดพิงถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยนำหนังสือที่ชื่อว่า “กองทัพไทยกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่” ที่เขียนโดย พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาแสดง และว่า การอ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เข้าใจว่า เหตุ พล.อ.ประยุทธ์จึงเกลียดนักการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้สิทธิ์ชี้แจงว่า ได้นั่งฟังเรื่องนี้มา 2 วันแล้ว ที่บอกว่า ตนเตรียมการรัฐประหารมา 3 ปี ขอให้กลับไปย้อนฟังใหม่ หรือสอบถามลูกน้องตนก็ได้ ตนพูดว่า การเป็น ผบ.ทบ.มา 3 ปี ต้องเผชิญสถานการณ์ใดบ้าง ทั้งความขัดแย้ง สถานการณ์ความรุนแรง ก็ไม่รู้มาจากพวกใดบ้าง เพราะฉะนั้นตนได้เตรียมการ แต่เป็นการเตรียมการฝึกกำลังพลให้ความระมัดระวัง ปลอดภัย และจะดูแลประชาชนได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่เตรียมการ และในเมื่อถึงวันนั้น ก่อนเกษียณอายุราชการได้ 6 เดือน เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย
“คุณไม่ต้องมายิ้มเลย พวกนั่งอยู่ทางนี้ ยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น คนตาย คนเจ็บไปแล้วไม่รู้เท่าไร เพราะฉะนั้นผมต้องตัดสินใจ และไม่ได้ตัดสินใจก่อนหน้า วันนั้นเท่านั้นเอง ที่คนของท่าน บางพวกบอกว่า ก็ไม่ต้องอยู่ อยู่กันแบบนี้ ถ้าทหารไม่ออกมาทำงาน ก็ต้องอยู่กันแบบนี้ งบประมาณทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำ รับผิดชอบอะไรหรือเปล่า ตอบมาซิ ไม่ต้องทำหน้าเยาะเย้ยแบบนี้ ผมไม่ชอบ ขอบคุณครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ว่า ค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ซึ่งมีแผนการจัดหายุทโธปกรณ์ที่จะใช้ในช่วง 20-30 ปี โดยจะต้องมีการพัฒนายุทโธปกรณ์ที่แต่ละเหล่าทัพจะพิจารณา และเสนอให้กระทรวงกลาโหม
ส่วนเรื่องเรือนักท่องเที่ยวชาวจีนล่มที่ จ.ภูเก็ต และถูกโจมตีว่าการให้สัมภาษณ์ของตนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และความรู้สึกของชาวจีนนั้น พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว แต่ยอมรับว่าเป็นการพูดคุยกันเล่นกับสื่อมวลชน และไม่คิดว่าจะหยิบยกไปเขียน จึงไม่คิดว่าเรื่องที่พูดจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้ดูแลเรื่องการท่องเที่ยว . – สำนักข่าวไทย
