กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – รมว.พลังงานชี้วิวาทะนายกรัฐมนตรีในสภาฯ เป็นปกติทางการเมือง พร้อมแจงข้อสงสัยด้านพลังงาน และ สั่ง กฟผ.เร่งซื้อปาล์มแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า วิวาทะในรัฐสภาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับฝ่ายค้านนั้น เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ซึ่งทาง พปชร.ไม่ต้องแนะนำนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มีการอภิปราย ทางพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมรับฟัง โดยในส่วนของกระทรวงพลังงานก็เตรียมจะชี้แจง หากไม่มีเวลาชี้แจงในที่ประชุมรัฐสภา ทางตนก็จะแถลงข่าวในเรื่องที่ถูกอภิปราย
ทั้งนี้ ในการอภิปรายวานนี้ (25 ก.ค.) นายชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทยอภิปราย ตั้งข้อสังเกตว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าในอนาคตจะมีการยกไปให้นายทุนใหญ่ และไม่เน้นส่งเสริมพลังงานทดแทนของชุมชน พร้อมแนะให้ปรับแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี 2018) ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน หรือ ERS ที่ชี้ว่ามีนโยบายของรัฐบาลที่แล้วต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลชุดนี้ที่ควรแก้ไข เพราะมีแนวโน้มเอื้อประโยชน์เอกชน เช่น คลัง LNG มาบตาพุดเฟส 3 และโรงไฟฟ้าภาคตะวันตก ที่มีการลงนามซื้อขายไฟฟ้ากับ บมจ.ราชกรุ๊ป ไปแล้ว โดยไม่มีการเปิดประมูล
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นโยบายของตน ยืนยันว่าในการดำเนินการเรื่องไฟฟ้าจะดูแลการประกอบการให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เกิดการเท่าเทียมกันของผู้ประกอบการ ขอให้ไว้วางใจ โปร่งใสตรวจสอบได้ โดย หลักเกณฑ์เป็นไปตามหลักของสหประชาชาติที่เรื่องไฟฟ้าเป็นไปตาม 2 หลักเกณฑ์หลัก คือ ประชาชนเข้าถึงด้วยต้นทุนที่ไม่แพง (AFFORDABLE) และส่งเสริมพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยยืนยันส่งเสริมพลังงานทดแทน พลังงานชุมชน แต่จะมีสัดส่วนมากน้อยเท่าใด ก็ต้องให้เกิดสมดุลไม่สร้างภาระค่าไฟฟ้าต่อประชาชน โดยในส่วนข้อเสนอของ ERS และของทุกส่วน รวมทั้งพีดีพี 2018 ทางกระทรวงฯ จะพิจารณาสัปดาห์หน้า
ส่วนข้อเรียกร้องให้ส่งเสริมโซลาร์รูฟท็อปด้วยการปรับค่ารับซื้อไฟฟ้าส่วนเกิน จากปัจจุบัน 1.68 บาท/หน่วยนั้น รมว.พลังงาน กล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องมาดูบนหลักการค่าไฟฟ้าประชาชนไม่แพง แต่จะทำอย่างไรให้เกิดแรงจูงใจในการผลิตไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป โดยจะดำเนินการควบคู่กับการลดขั้นตอนการดำเนินการเชื่อมต่อสายส่งกับการจำหน่ายและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวกที่สุด
รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในส่วนการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำได้มอบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)-บมจ.ปตท.และหน่วยงานที่เกี่ยงข้องช่วยกันดูให้แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยระยะสั้นได้เร่งรัดให้ กฟผ.เปิดประมูลรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ ) ที่มีสัดส่วนที่เหลือจากมติ ครม.เห็นชอบให้รับซื้ออีกกว่า 133,000 ตัน แต่จะเป็นเดือนนี้หรือเดือนหน้า และราคารับซื้อจะเป็นเท่าไหร่จะเท่ากับราคาที่รับซื้องวดที่ผ่านมาไม่เกิน 16.50 บาท/กก.หรือไม่นั้น ให้ กฟผ.หารือร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยยอมรับว่าขณะนี้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสตอกซีพีโอที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 300,000 ตัน ว่า เกิดจากการลักลอบนำเข้าหรือไม่ ในเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์ดูแล ซึ่งในส่วนของการนำมาเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ขอยืนยันว่าจะเร่งให้นำมาเป็นส่วนผสมในบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานสำหรับกลุ่มดีเซล และส่งเสริมการใช้บี 20 ควบคู่ไปด้วย.-สำนักข่าวไทย