กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำเขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา หลังเริ่มมีฝนตกลงมาหลายพื้นที่ จึงปรับแผนการบริหารจัดการน้ำใหม่ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ฤดูแล้งหน้า
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานจะปรับลดการระบายน้ำเขื่อนใหญ่ 4 เขื่อนลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เพื่อเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนให้มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อความต้องการฤดูแล้ง ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ถึง 30 เมษายน 2563 เป็นเวลา 6 เดือน และต่อเนื่องถึงต้นฤดูฝนหน้าตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2563 ถึงกรกฎาคม 2563 อีก 3 เดือน รวมเป็น 9 เดือน
นายทองเปลว กล่าวว่า จากสภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนานทำให้เกษตรกรที่อยู่ใกล้แม่น้ำสายหลักสูบน้ำไปใช้เป็นปริมาณมาก ขณะที่กรมชลประทานจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากระบบชลประทาน เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคและพื้นที่เกษตรที่อยู่ท้ายน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำเก็บกักในเขื่อนหลักลดลงกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เกรงว่าหากฝนปลายฤดูตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยจะเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ จึงมอบหมายให้กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำลง
ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ได้ใช้สถิติน้ำไหลลงอ่างของ 4 เขื่อนใหญ่ปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่มีฝนน้อยมาเทียบเคียง โดยตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคมถึง 31 ตุลาคม 2558 มีน้ำไหลลงอ่างรวม 5,231 ล้าน ลบ.ม. จากนั้นคาดการณ์การจัดสรรน้ำฤดูฝนที่เหลือ ตั้งแต่ 16 กรกฎาคมถึง 31 ตุลาคม 2562 จะมีความต้องการน้ำ 2,066 ล้าน ลบ.ม. และเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 จะคงเหลือน้ำใช้การได้ 4,904 ล้าน ลบ.ม.
นายทองเปลว กล่าวว่า เมื่อคำนวณความต้องการน้ำขั้นต่ำสำหรับอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศ โดยไม่รวมภาคการเกษตรจะใช้ประมาณวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. หากต้องวางแผนการใช้น้ำตั้งแต่เริ่มฤดูแล้งต่อเนื่องจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้ารวมทั้งสิ้น 9 เดือนคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมีประมาณ 5,040 ล้าน ลบ.ม. เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำใช้การได้ที่เหลือ 4,904 ล้าน ลบ.ม. จึงพบว่าลุ่มเจ้าพระยายังขาดน้ำอีก 136 ล้าน ลบ.ม. ซึ่ง สทนช.ให้ความเห็นว่ากรมชลประทานต้องประหยัดน้ำให้ได้ไม่น้อยกว่า 300 ล้าน ลบ. ม. กรมชลประทานจึงปรับแผนการจัดสรรน้ำใหม่ จากเดิมจะจัดสรรน้ำลุ่มเจ้าพระยา 2,066 ล้าน ลบ.ม. ลดลงเหลือ 1,766 ล้าน ลบ.ม.
“กรมชลประทานเริ่มลดปริมาณการระบายน้ำลง โดยเขื่อนภูมิพลจากระบายวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. เหลือวันละ 21 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์จากระบายวันละประมาณ 20 ล้าน ลบ.ม. เหลือวันละประมาณ 19 ล้าน ลบ.ม.ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เริ่มลดการระบายวันนี้ (26 ก.ค.) จาก 690,000 ลบ.ม. เหลือ 440,000 ลบ.ม. ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนยังคงการระบายที่ 2.16 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้ฝนเริ่มตกลงมาในหลายพื้นที่แล้ว” นายทองเปลว กล่าว.-สำนักข่าวไทย